อธิบดีกรมอนามัย เผย เปิดเรียนแบบ On-site ภาพรวมโรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยมีโรงเรียนผ่านการประเมิน Thai Stop COVID Plus กว่า 3.5 หมื่นแห่ง หลังเปิดเรียนทุกแห่งต้องประเมินและรายงานข้อมูลผ่านระบบ MOE COVID พร้อมจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ ขอความร่วมมือประชาชนหลังผ่อนคลายให้รับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน คงเข้มมาตรการ UP ช่วยลดความเสี่ยงที่จะรับและแพร่เชื้อโควิดได้   

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนจะเปิดเรียนแบบ On-site ในวันที่ 1 พ.ย. 2564 ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนเข้าร่วมการประเมินความพร้อมผ่าน Thai Stop COVID Plus และเข้มงวดในมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ที่กำหนดไว้ เช่น เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล จัดอนามัยสิ่งแวดล้อม การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด คุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และการจัดการขยะ เป็นต้น

โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมการประเมิน Thai Stop COVID Plus  37,149 แห่ง ผ่านการประเมินครบทุกข้อ 35,114 แห่ง สามารถเปิดเรียนได้อย่างปลอดภัย ที่เหลืออยู่ระหว่างการปรับปรุงก่อนเปิดโรงเรียน ซึ่งต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดอีกครั้ง และเมื่อเปิดเรียนแล้วยังคงต้องเฝ้าระวัง ติดตามประเมินและรายงานข้อมูลผ่าน MOE COVID ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างต่อเนื่อง

“ขอให้มั่นใจว่าโรงเรียนที่จะเปิดการเรียนการสอนได้นั้นต้องมีมาตรการครบถ้วน มีการเฝ้าระวังและประเมินความเสี่ยงเป็นระยะ ทุกแห่งมีแผนเผชิญเหตุ หากพบการติดเชื้อสามารถจัดการได้ทันที เช่น กรณีที่เกิดความเสี่ยง ไม่จำเป็นต้องปิดการทั้งโรงเรียน อาจปิดเพียงแค่ห้องเรียน ชั้น หรืออาคารเรียน เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แต่หากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ทั้งเด็กนักเรียน บุคลากร ผู้ปกครอง จะฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมมากแล้ว แต่ทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัด ทั้งเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ”  นายแพทย์สุวรรณชัยกล่าว

นายแพทย์สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนข้อกังวลเมื่อผ่อนคลายกิจกรรมกิจการต่าง ๆ โดยเฉพาะเปิดให้รับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ จะทำให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นนั้น เมื่อมีการถอดหน้ากากความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้น ถ้ามีการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย อาจเกิดความครึกครื้น มีการพูดจาสังสรรค์มากขึ้น ขาดสติ จนไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ การเคร่งครัดการป้องกันตนเองจะลดลง ทำให้ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโควิดได้ จึงขอให้บริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น ส่วนร้านอาหารที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องควบคุมกำกับ ถ้าปฏิบัติได้ทั้ง 2 ส่วน ก็จะสามารถลดความเสี่ยงที่จะรับและแพร่เชื้อโควิดได้   
 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org