4 จังหวัดชายแดนใต้ติดเชื้อสูง! เร่งระดมฉีดวัคซีนโควิดสัปดาห์หน้า!!

สธ.เร่งคุมโควิด 4 จังหวัดชายแดนใต้พบติดเชื้อสูง 1 ใน 5 ของการติดเชื้อทั้งประเทศ ชี้สถานการณ์ภาพรวมยังน่าห่วง ต้องเข้มมาตรการป้องกันตัวครอบจักรวาล ขณะที่ยอดฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น! เผยตัวเลขวัคซีน 4 จ. ทั้งสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวโรคโควิด – 19 ว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะ 4 จังหวัดพื้นที่ภาคใต้ คือ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งตอนนี้ยังมีการระบาดของโรคมาก อัตราการติดเชื้อต่อวันอยู่ที่ 20 % หรือ 1 ใน 5 ของการติดเชื้อทั้งประเทศ ดังนั้นจึงได้มีการจัดส่งวัคซีนลงไปเพิ่มเติม และจะระดมฉีดสัปดาห์หน้า ประกอบกับการเฝ้าระวัง สอบสวนควบคุมโรคในจุดระบาดอย่างเข้มข้น กรณีเป็นผู้ติดเชื้อก็แยกออกมารักษา คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก็แยกกักตัว ตรวจหาเชื้อตามกำหนด อย่างไรก็ตาม ถ้าดูตามอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้พบว่ายังมีความครอบคลุมสูง โดย กรณีผู้สูงอายุในจังหวัดสงขลา ได้รับเข็ม 1 แล้วคิดเป็น 65% ยะลา 56% นราธิวาส 50% และปัตตานี 48 % จึงน่าจะลดอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุลงได้ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ยังคงต้องเร่งทยอยฉีดกันต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รายงานการฉีดวัคซีนใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สะสมตั้งแต่ 28 ก.พ.-7 ต.ค. พบว่า จังหวัดนราธิวาส มีประชากร 805,356 คน ฉีดเข็ม 1 จำนวน 272,990 คน คิดเป็น 33.9% เข็ม 2 จำนวน 187,924 คน คิดเป็น 23.3% เข็ม 3 จำนวน 7,563 คน คิดเป็น 0.9% จังหวัดปัตตานี มีประชากร 743,054 ราย ฉีดวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 267,509 คน คิดเป็น 36% เข็ม 2 จำนวน 156,218 คน คิดเป็น 21 %เข็ม 3 จำนวน 9,961 คน คิดเป็น 1.3% จังหวัดยะลามีประชากร 547,992 คน ฉีดเข็ม 1 จำนวน 263,965 คน คิดเป็น 48.2% เข็ม 2 จำนวน 164,170 คน คิดเป็น 30 % เข็ม 3 จำนวน 6,041 คน คิดเป็น 1.1% และจังหวัดสงขลา มีประชากร 1,487,320 คน ฉีดเข็ม 1 จำนวน 657,840 คน คิดเป็น 44.2% เข็ม 2 จำนวน 447,478 คน คิดเป็น 30.1% และเข็ม 3 จำนวน 22,011 คน คิดเป็น 1.5%

สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ในประเทศไทยขณะนี้ยังมีตัวเลขหลักหมื่นรายต่อวัน เสียชีวิตหลักร้อยรายต่อวัน ถือว่าทรงตัว ภาพรวมยังมีความน่าเป็นห่วงอยู่ และประชาชนมีการออกมาใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นกว่าเดือนที่แล้ว โอกาสที่จะติดเชื้อจากพื้นที่สาธารณะมีมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันซึ่งมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคจำนวนมากแล้ว ซึ่งก็ยังสามารถติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงอาจจะเป็นเป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ และแพร่สู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชน ใช้มาตรการป้องกันโรคครอบจักรวาล โดยคิดว่าทุกคนคือผู้ติดเชื้อ แม้แต่คนใกล้ชิดในครอบครัว จึงต้องเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org