สธ.เผยที่ประชุม ศปก.ศบค. หารือผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม! อาจขยับปลดล็อกโรงหนัง ส่วนพื้นที่สียังไม่ปรับ ต้องรอผลประชุมอีกครั้ง จับตาปรับเวลาเปิดปิดร้านอาหาร รวมทั้งเคอร์ฟิว พร้อมถอดบทเรียนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เผยรายละเอียดโควิดฟรีเซตติ้ง หลักๆ 3 มาตรการ
เมื่อวันที่ 24 กันยายน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงการผ่อนคลายมาตรในระยะถัดไปว่า ในการประชุม ศปก.ศบค. มีการหารือผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งเกือบเป็นปกติแล้ว เช่น โรงหนัง ส่วนเรื่องการปรับพื้นที่สีคาดว่ายังไม่ปรับ แต่ต้องรอดูมติการประชุมอีกครั้ง ขณะเดียวกัน การประกาศใช้เคอร์ฟิว เวลาการปิดให้บริการร้านอาหารก็อาจมีการปรับด้วย ส่วนเรื่องความชัดเจนของมาตรการโควิดฟรีเซตติ้ง(Covid Free Setting) หลักการมีความชัดเจนแล้ว คือ 1.ครอบคลุมพื้นที่ แต่พื้นที่ต้องดูแลพื้นที่ตัวเอง เช่น เกาะ ก็ต้องดำเนินตามเซตติ้งเกาะ พื้นที่เป็นที่เปิด เช่น ชะอำ ที่ติดแดนบก ก็มีมาตรการของตัวเอง 2.ผู้ให้บริการ ผู้ประกอบการ เช่น โรงแรม อาหาร ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบถ้วน ตรวจหาเชื้อด้วยแอนติเจน เทสต์ คิท(ATK) เป็นระยะ และ 3.ผู้รับบริการ หากตามกำหนดเข้าบริการจะต้องตรวจ ATK หรือฉีดวัคซีน ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น
“ต้องร่วมมือในหลายฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ เพราะหลายพื้นที่ผู้ประกอบการอยากเปิด แต่ประชาชนไม่อยากเปิด ก็คงเปิดไม่ได้ ทางภาครัฐจะพยายามไม่บังคับ แต่จะสนับสนุน คือ เร่งฉีดวัคซีน ตรวจ ATK เป็นระยะ เพราะก็ยังมีประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ทางภาคเอกชน สามารถกำหนดเองได้ เช่น ร้านนี้บอกว่า ต้องฉีดวัคซีน หรือตรวจ ATK ก่อนเข้าร้าน ก็สามารถทำได้” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า การถอดบทเรียน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เราเรียนรู้ว่ามาตรการสามารถป้องกันเชื้อโรคจากต่างประเทศมาภูเก็ตได้ค่อนข้างดี แต่ปัญหาที่เกิดคือคนในพื้นที่เอง อาจมีการนำแรงงานทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายกลับเข้ามา และไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ได้เค่รงครัดในการดำเนินงาน จึงต้องเรียนว่า ไม่ใช่เพียงมาตรการสาธารณสุข แต่วินัยของทุกคนสำคัญที่สุด อย่างที่ท่านนายกฯ กล่าวในระหว่างการตรวจเยี่ยม จ.เพชรบุรี ว่า วินัยกับการจัดการของคนในพื้นที่สำคัญมาก หากทุกคนไม่ช่วยกัน คิดว่าปล่อยมา 1-2 คน ไม่เป็นอะไร แต่ถ้ารวมกันหลายคนก็เกิดปัญหาระบาดได้ ดังนั้น การจัดการกับความร่วมมือของคนในพื้นที่ ผู้ประกอบการในพื้นที่สำคัญที่สุด
นพ.โอภาส กล่าวว่า คนใน 5 จังหวัดนำร่องเปิดการท่องเที่ยว จะต้องเตรียมความพร้อมด้วยการดำเนินตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่ผ่านมาเราผ่อนคลายพอสมควร โดยเฉพาะที่ไม่ควรเกิดขึ้น คือ การรับแรงงานต่างชาติที่ไม่ฉีดวัคซีนเข้ามาทำงาน หากจะรับแรงงานต้องตรวจสอบ แยกกักก่อน และฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน รวมถึงมาตรการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ก็ต้องทำให้ครบถ้วนด้วย อย่างร้านอาหารบางที่เรากำหนดให้นั่งรับประทานได้ 50% ของพื้นที่ แต่ก็เปิดให้นั่งเกือบ 100%
“เราต้องร่วมมือทุกฝ่าย ลำพังจะให้เจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจสอบทุกที่คงไม่ได้ ขอให้อดทนซักนิด หากสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลาย ร่วมกับการฉีดวัคซีนที่ค่อยๆ มากขึ้น ซึ่งท่านนายกก็เร่งการฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน ซึ่งขณะนี้จะเห็นว่าเราฉีดวัคซีนได้เร็วกว่าแผน คือ สิ้นเดือนก.ย. เราต้องฉีดวัคซีนได้ 40 ล้านโดส แต่ตอนนี้เราฉีดได้กว่า 46 ล้านโดส เมื่อถึงสิ้นเดือนก็คาดว่าจะได้ 50 ล้านโดส ถือว่าเร็วกกว่าแผนถึง 10 ล้านโดส ก้ทำให้เราสามารถผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทสได้เร็วขึ้น” นพ.โอภาส กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนโควิดในจำนวนมากขึ้นแล้ว ส่วนกรณีที่ประชาชนจะมาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยคัดกรองตัวเองเบื้องต้นด้วยการตรวจ ATK ได้หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า สามารถทำได้ ด้วย 1.ฉีดวัคซีนครบ 2.หากเป็นกิจกรรมเสี่ยง ก็ให้ตรวจ ATK เมื่อผลเป็นลบ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ เราก็พยายามทำให้ความเสี่ยงน้อยลงที่สุด ส่วนสถานที่เสี่ยงสูงเช่น ร้านอาหารติดแอร์ โรงหนัง หากตรวจก่อนเข้ากันทุกคน ก็สบายใจได้ระดับหนึ่ง ซึ่งระยะต่อจากนี้ราคาของ ATK ก็จะถูกลงกว่าเดิมเยอะ รวมถึงประชาชนสามารถตรวจได้เอง ก็เพิ่มความสะดวกชึ้น
- 30 views