แนวทางตามที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เตรียมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 โดยให้มีการเรียนการสอนให้โรงเรียนแบบปกติหลังจากที่ต้องใช้วิธีเรียนออนไลน์ในภาคเรียนที่ผ่านมา ยังมีข้อห่วงใยจากหลายฝ่ายถึงความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เวที “ศบค.ศธ. พบสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย 3 ภาคีร่วมใจเพื่อเปิดภาคเรียนปลอดภัยกับวัคซีนเด็ก” ซึ่งร่วมจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กระทรวงสาธารณสุข และสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กันยายน มีข้อเสนอและคำชี้แจงหลายประเด็นที่เป็นประโยชน์
ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. ยืนยันว่าการเปิดเรียน on site หรือเรียนที่โรงเรียน จะเริ่มได้หากมีมาตรการหลักๆ 2 มาตรการ คือ 1. ต้องหาวิธีการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนและครูให้มีภูมิคุ้มกัน 2. ต้องประเมินสถานศึกษาให้มีความพร้อม
สำหรับเกณฑ์การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนระดับชั้น ม.1-ม.6 หรือ ปวช. เลขาธิการกพฐ. ระบุว่า จะดูจากอายุ คือ หากเด็กอายุ 12 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปก็สามารถฉีดได้ แม้ว่าเด็กจะเรียนอยู่ชั้น ป.6 แต่ถ้าอายุครบ 12 ปีแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ซึ่งในปัจจุบันมีนักเรียนที่อายุตั้งแต่ 12 ปีจนถึง 17 ปี 11 เดือน รวมทั้งสิ้นประมาณ 4.5 ล้านคน แต่อยู่ในสังกัด สพฐ.ประมาณ 2.9 ล้านคน โดยวัคซีนที่จะให้ฉีดครั้งนี้ให้ฉีดด้วยความสมัครใจ เมื่อฉีดเข็มที่ 1 แล้ว จะเว้นระยะ 3 สัปดาห์เพื่อให้ฉีดเข็มที่ 2
“วัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาในประเทศไทยปลายเดือนกันยายน จึงได้มีการออกแบบว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งขณะนี้มีครูได้รับวัคซีนไปแล้วมากกว่า 70 % เมื่อถึงวันนั้นก็จะมีครูได้รับวัคซีนโดยสมัครใจ 100 % มีการออกแบบไว้ 3 ระยะ ตั้งแต่ 13-30 ก.ย. คือระยะเตรียมการฉีดวัคซีน ระยะที่ 2 คือระยะวางแผนในการจัดการฉีด และระยะที่ 3 คือระยะหลังเด็กฉีดวัคซีนแล้วจะมีการเปิดการเรียนการสอนได้อย่างไร”
ส่วนการเปิดโรงเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้นั้น ดร.อัมพรกล่าวว่าอยู่ในระหว่างการหารือ อาจจะ On site ให้ชั้นอนุบาล 1 เรียนวันจันทร์ อนุบาล 2 มาเรียนวันอังคาร เป็นต้น การจะเปิดโรงเรียนได้หรือไม่ต้องดูมาตรการ ศบค.จังหวัด โรงเรียนไหนจะเปิดได้หรือไม่ได้ ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ต้องดูจากปริมาณการฉีดวัคซีนของของนักเรียนซึ่งครูและผู้ปกครองในแต่ละโรงเรียนต้องร่วมมือกัน ในส่วนของการลงทะเบียนเพื่อให้เด็กรับวัคซีนนั้นต้องมีการสำรวจเป็นรายโรนงเรีบน เพราะเกี่ยวข้องกับอายุการเก็บรักษาวัคซีน
ข้อกังวลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนั้น นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ยืนยันว่า จากตัวเลขทั้งในประเทศและต่างประเทศระบุว่าประโยชน์ในการให้วัคซีนกับเด็กมีมากกว่า ส่วนแนวทางการเปิดเรียนในโรงเรียนนั้น สำหรับโรงเรียนแบบประจำมี 6 มาตรการหลัก ตั้งแต่การคัดกรองในส่วนของโรงเรียน ครูต้องได้รับวัคซีนอย่าน้อย 85 % โรงเรียนมี Safety Zone มีระยะ พื้นที่ชัดเจน เพราะหากมีการติดเชื้อจะไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้างห้กับนักเรียนกลุ่มอื่น การเดินทางจากบ้านต้องปลอดภัย
ในส่วนของโรงเรียนไปกลับ รองอธิบดีกรมอนามัยชี้แจงว่า มีรายละเอียดตั้งแต่การคัดกรอง ครูตั้งแต่ในพื้นที่สีแดงหรือสีแดงเข้มต้องเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่วัคซีนของเด็กก็มีแผนที่จะเข้ามาฉีดตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปในต้นเดือนตุลาคม โดยประกาศของ สธ. เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาคิดว่ามีความเพียงพอให้กับลูกหลานของเรา ส่วนการจัดกิจกรรมในโรงเรียนนั้นก็ต้องเป็นการจัดกิจกรรมที่ลดความเสี่ยงให้มากที่สุดซึ่งมีรายละเอียดอยู่แล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของผู้ปกครอง นายนิวัตร นาคะเวช นายกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย ก็เห็นว่า การเรียนออนไลน์ที่ผ่านมามีปัญหามาก มีเด็กนักเรียน 14 % ทั่วประเทศที่ไม่สามรถเรียนออนไลน์ได้จากปัญหาหลายๆ อย่าง อีกทั้งมีผู้ปกครองจำนวนมากที่บ่นว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากการให้ลูกเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน รวมทั้งการเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านนั้นเด็กไม่มีสมาธิ
"นี่เป็นปัญหาใหญ่มากในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้นหากการเรียนของเด็กไม่มีสมาธิ สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อมูลว่าการที่เด็กอยู่ที่โรงเรียนนั้นปลอดภัยกว่าอยู่บ้านอย่างมีนัยสำคัญ"
นายนิวัตร ยังกล่าวถึง โครงการที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สร้าง Sandbox Safety Zone ว่า โรงเรียนควรจะตั้ง ศบค.ในโรงเรียน
"การตั้งศบค.ในโรงเรียนสำคัญมาก เพราะจะได้ภาพความร่วมมือในชุมชน เครือข่ายผู้ปกครองร่วมกระจายสู่ชุมชน ผมอยากฝากไปยัง สธ. ว่าอยากให้แจก ATK ในทุกโรงเรียน ในขณะที่ทางโรงเรียนก็ควรสร้างหลักสูตรความปลอดภัยในโควิด เพื่อสอดรับกับ Sandbox Safety Zone ตรวจ ATK จัดเป็นรายชั่วโมง โดยอยากให้ สธ. แจกฟรี ถ้าเด็กมีความรู้เรื่อง ATK แล้วให้เด็กวัดผู้ปกครองด้วย" นายกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย กล่าว
นี่คือเสียงสะท้อนจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพัฒนาการด้านการศึกษาของเยาวชนควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโคโควิด-19
- 41 views