รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. โต้กลางอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลัง “วิโรจน์” พาดพิงกรณีวัคซีนแอสตร้าฯ กับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 ชี้ข้อมูลที่ตนให้สัมภาษณ์เป็นสถานการณ์ ณ เวลานั้น สะท้อนข้อเท็จจริง ให้ ปชช.ตระหนักความสำคัญป้องกันตัวเอง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2564 ที่อาคารรัฐสภา ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ขอเวลาอธิบายต่อคำอภิปรายของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

กล่าวว่า เมื่อวานนี้(1 ก.ย.) มีผู้อภิปรายได้พาดพิงถึงตน 2 ประเด็น ซึ่งขอชี้แจงในประเด็นที่ 1 ที่มีการกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของตนเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อเท็จจริงการส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่าจะมีการส่งในเดือน ก.ค.64 ราว 3.5 ล้านโดส ขอชี้แจงว่า เป็นการนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเวลานั้นแจ้งต่อประชาชน แต่หลังจากนั้นมีการหารือร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเราได้เจรจากับบริษัทแอสตร้าฯ ถึงแผนวัคซีนที่เราเสนอไป จนสุดท้ายมีการจัดส่งเพิ่มขึ้นตามแผนในเดือน ส.ค.-ต.ค.64 ทั้งนี้ ส.ค. เราได้รับแอสตร้าฯ ประมาณเกือบ 6 ล้านโดส ก.ย. อีก 10 ล้านโดส

นายสาธิต กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 การที่ตนแสดงความคิดเห็นในการให้สัมภาษณ์ขณะที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก โดยทราบกันทั่วไปว่าจำนวนผู้ติดเชื้อสูงจากหลักพันเป็นหลักหมื่น เราก็ได้เตรียมศักยภาพของเตียงให้สอดคล้องกัน อย่างไรก็ตามยังมีผู้ป่วยรอเตียงอยู่ที่บ้าน และจำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงการรักษาเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิต ตนก็นำเสนอข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจและทราบสถานการณ์ว่า สถานการณ์ติดเชื้อและเตียงมีปัญหา เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์จริงในขณะนั้น

“ทั้ง 2 กรณี ผมย้ำว่าผมพยายามต้องสื่อสารข้อเท็จจริงในช่วงเวลานั้น ต้องเรียนเพื่อนสมาชิกที่อภิปรายว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นพลวัตร มีไดนามิก ไม่สามารถเอาข้อมูลเวลาใดเวลาหนึ่ง มาเปรียบเทียบกับสถานการณ์อีกเวลาหนึ่งได้ เราเรียนรู้ไปสู้โควิดไป เรามีการปรับแผน มีการดำเนินการต่อสู้กับจำนวนผู้ป่วยที่สูงขึ้น เราเตรียมศักยภาพรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ดังนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ประชาชนเข้าใจสถานการร์ ผมจึงออกมาพยายามสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่ามีความจำเป็นต้องร่วมมือ” นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการกว่า 80% ทุกภาคส่วนเตรียมฮอสพิเทล(Hospitel) ขณะเดียวกัน สธ.ก็ได้เตรียมมาตรการแยกกันที่บ้าน(Home Isolation) เพื่อบริหารศักยภาพจัดการเตียงในทุกเครือข่าย ตนคิดว่าการแก้ไขปัญหาโควิด-19 จากหลักร้อยเป็นหลักหมื่น เราสามารถต่อสู้กับโควิดได้จนถึงขณะนี้สถานการณ์เตียงดีขึ้นตามลำดับ เตียงสีเขียวในระบบก็ว่างเพิ่มขึ้น

“สำหรับที่ท่านนำคลิปผมให้สัมภาษณ์ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็ขอทำความเข้าใจว่า เป็นการสะท้อนความจริงของสถานการณ์ ซึ่งขณะนั้นผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักหมื่น และเข้าขั้นวิกฤต แต่ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ เราจึงอยากให้ประชาชนรักษาการป้องกันตนเอง ควบคู่กับฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดย สธ.ได้เร่งฉีดให้กลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ ก็จะเดินคู่ขนานกันไป เชื่อว่าอีก 4-5 เดือนข้างหน้าสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับและจะสามารเปิดกิจการได้ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้” นายสาธิต กล่าว

 

**สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org