สธ.ย้ำช่วงล็อกดาวน์ยังต้องงดออกจากบ้าน งดเดินทางข้ามจังหวัด อย่าให้ระบาดมากขึ้นจนต้องปิดทุกอย่างแบบอู่ฮั่นโมเดล ระบุ กทม.สถานการณ์อาจดีขึ้นใน 4-6 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีนไปจำนวนมากกว่า 50% 

 

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันโรคในช่วงล็อกดาวน์ 14 วัน ว่า ยังยืนยัน 2 งด คือ งดออกจากบ้านทุกกรณี แต่หากจำเป็นต้องซื้อาหาอาหาร ไป รพ. ไปพบแพทย์ที่จำเป็น ต้องมีมาตรการป้องกันตนเองและคนอื่นด้วยระหว่างเดินทาง และงดเดินทางข้ามจังหวัด หากจำเป็นต้องไปรับการรักษาต่อที่ภูมิลำเนา ต้องเน้นการลงทะเบียนและแจ้ง รพ.ปลายทางให้ทราบ ผู้รับผิดชอบปลายทางให้ทราบ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เพื่อกักตัวให้ครบถ้วน 

"ย้ำว่าต้องช่วยกันพาผู้สูงวัย ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ถึงบ้านเราฉีดวัคซีนแล้ว แต่หากเป็นคนรู้จักที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต้องรีบแนะนำและพาไปฉีดวัคซีนในทุกจังหวัด เพื่อลดความรุนแรงการติดเชื้อให้ได้" นพ.จักรรัฐกล่าว 

เมื่อถามว่าหากยังควบคุมโรคไม่ได้ จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโรคเข้มงวดแบบอู่ฮั่นโมเดลหรือไม่ ละคาดว่าประเทศไทยจะอยู่ภาวะตัวเลขรายใหม่หมื่นกว่ารายนานแค่ไหน  นพ.จักรรัฐกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้ที่ประกาศตามข้อกำหนดฉบับปัจจุบัน สถานการณ์ที่เรารับมือคือติดเชื้อรายใหม่หมื่นกว่ารายต่อวัน มาตรการที่สำคัญคืองดเดินทางข้ามจังหวัด งดออกจากบ้าน ออกเท่าที่จำเป็น และทำงานที่บ้านสูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกับอู่ฮั่นแล้ว ซึ่งปิดทุกอย่างหมด เพราะฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้คาดว่าจะยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในต่างจังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อในครอบครัวและกลับจากพื้นที่ระบาดหนัก กทม.และปริมณฑลไปรักษาต่อ 

 

ถ้าดูสถานการณ์ตอนนี้ใน กทม.และปริมณฑลจะมีความแตกต่างกันบ้าง โดย กทม.ตัวเลขเพิ่มไม่เยอะและช่วงนี้มีการฉีดวัคซีนไปมากพอสมควรแล้ว 50 กว่า % โดยสรุปสถานการณ์ใน กทม.อาจจะเริ่มเห็นสถานการณ์ที่คงตัวมากขึ้น หรืออาจจะดีขึ้นได้ใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนต่างจังหวัดจะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากต่อในระยะนี้ ต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้ไปถึงอู่ฮั่นโมเดลที่ต้องปิดทุกอย่าง เราอยากจะให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขโดยเร็ว ดังนั้น การร่วมมือกันเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ หรือการแพร่เชื้อจากครอบครัวหนึ่งไปสู่อีกครอบครัวหนึ่งให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ช่วยกันอยู่บ้านให้มาก เพื่อคนที่เรารัก และงดการเดินทางข้ามจังหวัด ไปซื้อหาอาหาต้องระวัง สร้างความปลอดภัยตนเอง ป้องกันตนเองตลอดเวลา เสมือนคนรอบข้างเราติดเชื้อแล้ว บางคนกังวลมากอาจมีภาวะเครียด อยากให้โทรปรึกษากรมสุขภาพจิต สำหรับสถานประกอบการโรงงานสำคัญต้องทำ Bubble and Seal อยู่ในโรงงานเท่านั้นไม่กระจายสู่ชุมชน 

 

"ช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างวิกฤตทั้งใน กทม.ปริมณฑล และ 3 จังหวัดภาคกลางที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ต้องช่วยกันทำให้เราลดการติดเชื้อแพร่กระจายเชื้อลง และจะได้คาดการณ์ว่าใน 2 สัปดาห์นี้เมื่อตัวเลขลดลงเรื่อยๆ อาจจะมีการผ่อนคลายได้มากขึ้น การช่วยกันงดออกจากบ้าน ป้องกันตนเองและคนในบ้าน สงสัยติดเชื้อรีบไปตรวจด้วยชุดตรวจที่มีบริการในหลายๆ จุดใน กทม. ติดตามข่าวสารในส่วนนี้ ถ้าป่วยแล้วก็ต้องรีบดูแลตัวเองมากขึ้น เมื่อตรวจแล้วอาจเข้าระบบการดูแลที่บ้านหรือชุมชนต่อไป" นพ.จักรรัฐกล่าว