จากผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิดตั้งแต่ปี 63 ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ขวาง อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ที่ได้รับผลกระทบต่างๆ ทั้งเรื่องจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการดูแล เฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงวิธีการเตรียมความพร้อมฉีดวัคซีน โดยมีหน่วยงานสาธารณสุข ผู้นำชุมชน และรพ.สต. เป็นกำลังสำคัญในการผ่านวิกฤตครั้งนี้

ผู้สื่อข่าว Hfocus ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “นายศดิศ ฟ้าบรรเจิด” เลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ขวาง อำเภอบ้านหม้อ จังหวัดสระบุรี เกี่ยวกับการรับมือผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ดังนี้

นายศดิศ ฟ้าบรรเจิด กล่าวว่า เมื่อมีประชาชนได้รับการติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อมาจากที่ทำงาน หรือจากสถานที่ต่างๆ จะได้รับแจ้งข้อมูลจากแพทย์ ให้กักตัวภายใน 14 วัน หลังจากนั้นในส่วนของท้องถิ่นเราก็ได้รับประสานดำเนินการในการแจ้งกับประชาชนว่าให้ปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เช่น แนะนำให้แยกและกักตัวจากครอบครัว จากนั้นเราจะมีแบบฟอร์มให้รายงานข้อมูลว่า มีอาการผิดปกติหรือมีไข้หวัดหรือไม่ ซึ่งจะต้องรายงานเป็นประจำทุกวัน

นอกจากนี้ ท้องถิ่นยังช่วยเหลือในเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค โดยการมอบถุงยังชีพให้ ซึ่งเราได้ทำการมอบถุงยังชีพไปแล้ว 6-7 ครัวเรือน และยังมีการจัดหาแมส เจลแอลกอฮอล์ ให้กับผู้ที่กักตัวและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงด้วย รวมทั้งจัดหาปลอดวัดไข้ ซึ่งตอนนี้เราได้ทำการสั่งซื้อมาแล้วประมาณ 22 โหล และตอนนี้มีผู้ที่กักตัวจำนวน 54 คนแล้วในพื้นที่ ทั้งนี้ยังมีอีกคัตเตอร์หนึ่งที่จะเพิ่มเข้ามา ประมาณ 30-40 คน และมีประชาชนที่ติดเชื้อแล้ว 2 ราย ในพื้นที่ของเรา ซึ่งแพทย์ได้นำตัวไปรักษา กรณีนี้ ท่านนายกได้มอบถุงยังชีพให้กับครอบครัวของผู้ที่ติดเชื้อเรียบร้อยแล้ว และติดตามอาการและดูแลช่วยเหลืออยู่ตลอด

*พื้นที่มีการเตรียมความพร้อมในการรับวัคซีนอย่างไร

นายศดิศ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องของวัคซีน ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลหรืออำเภอได้แจ้งมายังองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ขวาง ทำการจัดสถานที่เพื่อพร้อมในการฉีดวัคซีน แต่พบว่าวัคซีนยังไม่มีจึงไม่ได้ดำเนินการในวันนั้น และเราได้แจ้งประชาชนให้รับทราบเพี่อรอไปก่อนเพราะช่วงนี้วัคซีนยังไม่มา

“อย่างไรก็ตามทางองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ขวาง ก็ยังไม่ละเลยในการป้องกันและทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดอยู่ตลอด หากมีกิจกรรมหรืองานที่จำเป็นต้องไปร่วม ก็ให้เว้นระยะห่าง โดยอย่าลืมล้างเจลแอลกอฮอล์และสวมแมสทุกครั้ง” นายศดิศ กล่าว

สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน เราได้มอบหมายให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและอสม. เข้ามาช่วยคัดกรองตามจุดต่างๆ และแนะนำกลุ่มเสี่ยงว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยภายในชุมชนมากที่สุด และทำการกักตัวให้ครบ 14 วันตามมาตรการ ขณะนี้ในพื้นที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบทุกคน ส่วนวัคซีนที่ได้รับครบ 2 เข็มแล้วมีท้องถิ่น 3 คน มีนายก รองนายก ปลัด และอสม. 4 คน รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อีก 3 คน ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดที่จะต้องได้รับวัคซีนประมาณ 600 คน

นายศดิศ กล่าวว่า จากที่กล่าวมา ถือเป็นปัญหาหลักๆ ในพื้นที่ของเรา ส่วนความร่วมมือของประชาชนที่สนใจในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนอประชาชนให้การตอบรับดี เนื่องจากเราได้มีการให้ความรู้ ว่าฉีดวัคซีนแล้วทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตได้หรือลดความรุนแรงของโรคได้ จึงทำให้ประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนมากพอสมควร แต่ทั้งนี้ ปัญหาคือวัคซีนยังไม่มาถึงพื้นที่จึงทำให้ประชาชนต้องรอไปก่อน

นายศดิศ กล่าวต่ออีกว่า เราก็เห็นใจในจังหวัดอื่นที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่น กทมฯ นนทบุรี และสมุทรสาคร ซึ่งผู้ว่าสมุทรสาครความจริงจะได้ 300,000โดส แต่ได้มาแค่ 78,000 โดส ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงกว่า แต่ยังไงก็ตามสระบุรีก็ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงเช่นกัน ถ้าเราได้รับวัคซีนพร้อมกันทั้งหมดมันก็คงเป็นเรื่องที่ดี อย่างตำบลไผ่ขวางปัจจุบันได้ฉีดวัคซีนเพียงแค่ 10 คน

การลงพื้นที่ชี้แจงให้ประชาชนทราบในการป้องกันโรคโควิด-19

 

 

นายกมอบถุงยังชีพให้ผู้กักตัวที่บ้าน 14 วัน ร่วมกับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน

 

ประชุมชี้แจงแนวทางป้องกันให้อสม. ตำบลไผ่ขวางร่วมกับ รพ.สต. ไผ่ขวาง