สปสช.แจงจะมีการทบทวนอัตราจ่ายค่าตรวจรังสีวิทยาเพทซีทีทางเลือกประเมินระยะโรคมะเร็งปอด-มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หลังจากดำเนินการไปแล้ว 6 เดือนแน่นอน ชี้เป็นมติบอร์ด สปสช.ที่กำหนดไว้อยู่แล้วตั้งแต่ 7 มิ.ย.

สืบเนื่องจากกรณีที่เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(UHosNet) ออกแถลงการณ์เรื่อง สิทธิประโยชน์การตรวจทางรังสีวิทยาเพทซีที (PET/CT) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยระบุว่าสนับสนุนสิทธิประโยชน์ดังกล่าว แต่อัตราการชดเชยที่ สปสช.กำหนดต่ำกว่าต้นทุน พร้อมเรียกร้องให้ สปสช.ทบทวนอัตราค่าตรวจที่เป็นธรรมภายใน 6 เดือนนั้น

(อ่านข่าว: ยูฮอสเน็ต ออกแถลงการณ์ ขอ สปสช.ทบทวนค่าตรวจเพทซีทีผู้ป่วยมะเร็ง เหตุ รพ. แบกรับไม่ไหว!)

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ขอขอบคุณUHosNet ที่ให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อประชาชน ในส่วนของข้อเรียกร้องให้ สปสช.ทบทวนอัตราค่าตรวจที่เป็นธรรมภายใน 6 เดือนนั้น จะได้นำเรื่องดังกล่าวหารือต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป สปสช.ขอยืนยันว่า สิทธิประโยชน์ดังกล่าวเป็นมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่ได้เห็นชอบการจ่ายสำหรับบริการตรวจ PET/CT ตามรายการบริการ (Fee schedule) ในอัตรา 30,000 บาท/ครั้ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน (ระหว่าง 7 มิ.ย.- 7 ธ.ค.64) โดยใช้งบค่าบริการกรณีเฉพาะ ที่กันไว้จำนวน 880 ล้านบาท ตามประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนฯฉบับที่ 2 (ข้อ 8) สำหรับจ่ายชดเชยกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มีการกำกับติดตามประเมินผลกระทบมิติต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาทบทวนอัตราจ่ายต่อไป 

 

ขณะเดียวกันสำหรับหน่วยบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูมิภาค ซึ่งมีต้นทุนบริการที่สูงกว่าเขต กทม.และปริมณฑลนั้น บอร์ด สปสช.ได้กำหนดอัตราจ่ายเพิ่มเติมจาก 30,000 บาท/ครั้ง เพื่อเป็นค่าบริหารจัดการสารรังสี เพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้อัตราจ่ายโดยรวมต้องไม่เกินอัตรา 34,337 บาท/ครั้ง

“PET SCAN เป็นสิทธิประโยชน์ใหม่ที่เดิมทางโรงพยาบาลที่มีซึ่งส่วนใหญ่เป็นของรัฐ โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ เมื่อให้บริการกับผู้ป่วยบัตรทองจะต้องหาเงินจากแหล่งอื่นมาช่วยเช่น มูลนิธิ หรือเงินบริจาค หากผู้ป่วยไม่สามารถจ่ายได้ โดยสิทธิประโยชน์ใหม่นี้ใช้งบประมาณที่มีการเตรียมไว้แล้ว ไม่ได้ของบประมาณใหม่ โดยเป็นการจ่ายเพิ่มเติมจากเงินที่โรงพยาบาลได้รับ ซึ่งจะช่วยค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลส่วนหนึ่ง ราคาที่จ่ายจึงจะต้องมีการติดตามซึ่งขึ้นกับจำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการว่าเพียงพอต่อต้นทุนคงที่หรือไม่ด้วย โดยในระยะแรกนี้จะจ่ายกรณีผู้ป่วยมะเร็งปอดและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองก่อน และจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมข้อบ่งชี้อื่นหากพบว่ามีประสิทธิผลก็จะได้มีการเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป ทางคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีมติให้ทบทวนหลังจากดำเนินการไปแล้ว 6 เดือนตรงกับที่ UHosNet เสนอ โดยในส่วนของโรงพยาบาลที่อยู่ต่างจังหวัดจะมีการชดเชยเพิ่มเติมสำหรับค่าสารเภสัชรังสี เพื่อช่วยเรื่องต้นทุน ทาง สปสช.จะมีการติดตามผลบริการและหาต้นทุนที่เหมาะสมกับการจ่าย ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนเพื่อประเมินความเหมาะสมของอัตราการจ่ายต่อไป” เลขาธิการ สปสช.กล่าว 

ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์บริการตรวจเพทซีที (PET/CT) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่บอร์ด สปสช.มีมติอนุมัติไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 นั้น ได้กำหนดอัตราการจ่ายสนับสนุนค่าบริการตรวจในอัตราครั้งละ 3 หมื่นบาท นำร่องเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการประเมินระยะของโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (NSCLC) และการประเมินระยะโรคเริ่มต้นและประเมินการตอบสนองระหว่างให้ยาเคมีบำบัดและหลังสิ้นสุดการรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (HL)

สำหรับการตรวจเพทซีที เป็นการใช้เครื่องมือทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่ใช้เทคโนโลยีร่วมกันของเครื่อง PET และ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของเซลล์ระดับเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นการถ่ายภาพทางด้านรังสีที่ตรวจวัดอนุภาคโพสิตรอนที่ปล่อยจากผู้ป่วยหลังได้รับสารเภสัชรังสีเข้าไปในร่างกาย โดยสามารถให้รายละเอียดเพื่อนำไปวินิจฉัยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้สามารถประเมินระยะของโรคมะเร็งได้