ที่ประชุม ศบค.ย้ำหลักการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เป็นไปตามกลุ่มประเทศที่ สธ.ระบุเสี่ยงปานกลาง-ต่ำ ต้องได้รับวัคซีนโควิด ตาม อย. หรือ WHO รับรอง แต่ต้องครบโดสแต่ละวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน เมื่อมาถึงแล้วต้องอยู่ในที่พักอย่างน้อย 14 คืน แต่ถ้าน้อยกว่าต้องเป็นกรณีออกนอกประเทศไทยเท่านั้น ขณะที่นายกฯ เตรียมเปิด ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คิกออฟ 1 ก.ค. ก่อนขยายพื้นที่อื่นๆ “เกาะสมุย-เกาะพงัน-เกาะเต่า”

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า การเปิดพื้นที่นำร่องรับการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต และลำดับต่อไปคือ จ.สุราษฎร์ธานี ใน เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า ตามนโยบายเปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. จะมีการนำร่องค่อยๆ เปิดพื้นที่ไป แต่จะเน้นในภูเก็ต เพราะมีความพร้อมมากกว่า แต่ต้องจัดสมดุลการป้องกันคนไทยจากการติดเชื้อกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ต้องมอง 2 มุม

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลักการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เราจะรับในกลุ่มประเทศที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ระบุว่า มีความเสี่ยงปานกลาง และต่ำ ต้องได้รับวัคซีนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กำหนดไว้ 5 ชนิด คือ แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม โมเดอร์น่า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หรือวัคซีนอื่นๆ เช่น ไฟเซอร์ หรือวัคซีนที่องค์การอนามัยโลกรับรองแล้ว แต่จะต้องได้รับครบโดสที่กำหนดของแต่ละวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน เมื่อมาถึงแล้วต้องอยู่ในที่พักอย่างน้อย 14 คืน แต่ถ้าน้อยกว่า จะต้องเป็นกรณีกลับประเทศหรือออกนอกประเทศไทยเท่านั้น ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อน 1 ครั้งใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางถึงไทย ระหว่างพำนัก 14 วันในพื้นที่ ต้องตรวจหาเชื้ออีก 2 ครั้ง คือ วันที่ 6-7 และ 12-13 ของการกักตัว

“สธ. กำหนดมาตรการกำกับ 3 ข้อ คือ 1.การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการโควิด-19 เพื่อดูข้อมูลการติดเชื้อ การดูแลทรัพยากร ซึ่งต้องร่วมกันระหว่างสธ. การท่องเที่ยว และประชาสังคม 2.การเตรียมความพร้อมประชาชน ให้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น มีแผนการสื่อสาร ให้สอดคล้องกันทั้งจังหวัด และเมื่อเปิดได้ ก็ปิดได้ จึงมี 3.การเตรียมความพร้อม ทรัพยากรด้านสาธารณสุขให้เต็มที่ โดยพิจารณาการปิด คือ ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ กระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอมากกว่า 6 ตำบล และมีระบาดมากกว่า 3 คลัสเอตร์ ระบาดวงกว้าง หรือความเชื่อมโยงไม่ได้ หรืออัตราครองเตียงมากกว่า80% แสดงว่าสถานการณ์ไม่ดี ก็จะต้องลดกิจกรรมลง ระบบปิดเส้นทาง ไปจนถึงยุติแซนด์บ็อกภูเก็ต” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ค. ท่านผอ.ศบค. ก็คงได้ไปเยี่ยมชมและคิกออฟ เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) จึงขอให้ทุกคนร่วมใจกัน เดินไปสู่การเปิดประเทศของเราตามนโยบายของท่านนายกฯ

“การติดเชื้อเป็นพัน ทำไมเรายังเปิดประเทศ แต่เรียนว่าไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียวที่ติดเชื้อ และเราอยู่ในอันดับที่ 78 ของโลก ประเทศอื่นที่ติดเชื้อสูงกว่าเรา เขาก็ขยับเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่แล้ว ฉะนั้นเราจะอยู่กันตรงนี้ แล้วทำให้การเรียนรู้ของเราเกิดประโยชน์มากที่สุด แต่ต้องป้องกันโรคและลดการสูญเสียให้มากที่สุด ที่ท่านนายกฯ บอกว่า มีความเสี่ยง ซึ่งเราต้องร่วมด้วยช่วยกัน นี่คือสิ่งท่านกำหนดเป้าหมายไว้ข้างหน้า เสียงตอบรับที่ผ่านมาว่า ดีมากๆ ทุกคนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เราต้องร่วมด้วยช่วยกันทุกกลไกของสังคม เพื่อให้ฟันเฟืองหมุนไปด้วยกัน สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว