หนังสือเดินทางวัคซีน คือวิวัฒนาการหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่าหนังสือเดินทางรับรองภูมิคุ้มกัน (Immunity passport) เช่นบัตรเหลือง (Carte Jaune) ที่ออกโดยองค์การอนามัยโลก เป็นเอกสารการเดินทางทางการแพทย์ชนิดหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและอาจจำเป็นสำหรับการเดินทางเข้าประเทศบางประเทศซึ่งมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้เดินทางเข้าประเทศ เช่น ประเทศที่มีไข้เหลืองระบาด แต่สิ่งที่ทำให้บัตรเหลืองแตกต่างจากหนังสือเดินทางวัคซีนในตอนนี้ก็คือ มันคือใบรับรองว่าผู้ฉีดวัคซีนจะไม่ติดเชื้อจากจุดหมายปลายทาง ส่วนหนังสือเดินทางวัคซีนโคงิด-19 มีขึ้นเพื่อรับรองว่าผู้ถือจะไม่ใช่พาหะนำโรคมายังจุดหมายปลายทาง
หนังสือเดินทางวัคซีนโควิด-19 มีเป้าหมายเพื่อทำให้การเดินทางและการท่องเที่ยวเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง เพราะถือเป็นตัวจักรสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก (โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวที่สูงมาก) ดังนั้น ในช่วงแรกๆ ผู้ที่ผลักดันแนวคิดเรื่องนี้จึงมักเป็นหน่วยงานของเอกชน เช่น World Economic Forum องค์กรที่ประชุมด้านเศรษฐกิจระดับโลก และบริษัทท่องเที่ยวเช่น VeriFly รวมถึงสายการบินบางแห่ง บริษัทเหล่านี้เป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงในทางเศรษฐกิจหากโลกปลดล็อคดาวน์ได้อีกครั้ง
เมื่อวัคซีนโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรและบริษัทเอกชนหลายแห่งรวมถึงสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) และ World Economic Forum ได้ประกาศโครงการนำร่องร่วมกันคือ "Travel Pass" ซึ่งเป็นแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถแสดงผลการตรวจเชื้อ, หลักฐานการฉีดวัคซีน และจะรวมเข้ากับระบบ TIMATIC ที่มีอยู่แล้วซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลที่มีเอกสารข้อจำเป็นผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างประเทศทางอากาศเช่น ข้อกำหนดหนังสือเดินทางและวีซ่า และต่อจากนี้มันจะรวมเอาหนังสือเดินทางวัคซีนเข้าไปด้วย
ต่อมาในระดับชาติก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่ประเทศที่ทดลองหรือพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับหนังสือเดินทางที่มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 ได้แก่ ประเทศอารูบา(หมู่เกาะในทะเลแคริเบียน), สหราชอาณาจักร, อิสราเอล และแคนาดา บางประเทศไม่ได้พัฒนาระบบของตัวเอง แต่ใช้ระบบสาธารณะ เช่น อารูบาใช้แอป CommonPass ของโครงการ Commons Project ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นไปที่สุขภาพดิจิทัล (อารูบาเริ่มใช้งานในเดือนมีนาคมโดยประสานกับสายการบิน JetBlue เส้นทางระหว่างบอสตันกับอารูบา)
สำหรับการพัฒนาระบบดิจิทัลระดับชาติ อิสราเอลดูเหมือนจะเป็นผู้นำด้านนี้ ในเดือนมกราคม 2564 อิสราเอลประกาศว่าชาวอิสราเอลทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครั้งที่สองรวมทั้งทุกคนที่หายจากการติดเชื้อจะมีสิทธิ์ได้รับ "หนังสือเดินทางสีเขียว" (green passport) ระบบดิจิทัลในรูปแบบของเอกสาร PDF คล้ายบัตรประชาชนและมีรูปถ่าย, วันที่ฉีดวัคซีน, และรหัส QR code เฉพาะ ซึ่งสามารถสแกนเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของเอกสารทางกายภาพ ซึ่งผู้ถือจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องกักตัวและทำการตรวจเชื้อโควิด-19 ภาคบังคับ รวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยหนังสือเดินทางจะมีอายุ 6 เดือน
ในเดือนมีนาคม 2564 สหภาพยุโรปเริ่มพูดถึง "Digital Green Certificate" และต่อมากำหนดให้อยู่ในรูปแบบ QR code ด้วยลายเซ็นดิจิทัลเพื่อป้องกันการปลอมแปลง เมื่อตรวจสอบใบรับรองรหัส QR จะถูกสแกนและตรวจสอบลายเซ็น โดยหน่วยงานที่ออก "Digital Green Certificate" แต่ละแห่ง เช่นโรงพยาบาล, ศูนย์ตรวจเชื้อ และหน่วยงานด้านสุขภาพ จะมีใช้ระบบกุญแจลายเซ็นดิจิทัล (digital signature key) ของตนเองในการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ออกหนังสือรับรองและผู้ถือหนังสือรับรอง ทั้งหมดนี้ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลที่ปลอดภัยในแต่ละประเทศ
คณะกรรมาธิการยุโรปสร้างเกตเวย์ร่วมกันของทั้งภูมิภาคเพื่อผู้ถือหนังสือเดินทางและผู้ตรวจสอบข้อมูลสามารถตรวจสอบลายเซ็นใบรับรองทั้งหมดได้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป ข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้ารหัสในใบรับรองจะไม่ผ่านเกตเวย์เนื่องจากไม่จำเป็นต้องตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล คณะกรรมาธิการยุโรปยังจะช่วยประเทศสมาชิกในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทางการสามารถใช้เพื่อตรวจสอบรหัส QR (1)
ประเทศในยุโรปที่อยู่นอกกลุ่มสหภาพยุโรปก็พัฒนาระบบนี้เช่นกัน เช่น เดนมาร์กเปิดตัวระบบ Coronapas เมื่อกลางเดือนเมษายนโดยเน้นใช้งานในประเทศเพื่อคลายล็อคดาวน์ก่อนที่จะใช้ในการเดินทางระหว่างประเทศต่อไป บัตรผ่านนี้ใช้งานได้กับแอปสมาร์ทโฟนชื่อ MinSundhed (MyHealth) ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบรหัสประจำตัวของเดนมาร์ก ซึ่งเดินมาร์กมีระบบ ID ดิจิทัลที่ปลอดภัยที่เรียกว่า NemID อยู่แล้วและ Coronapas จะเชื่อมโยงกับระบบนี้ ด้วยระบบ NemID ช่วยให้ชาวเดนมาร์กสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ รวมถึงรายการดิจิทัลของบันทึกสุขภาพของแต่ละบุคคลและผลการตรวจเชื้อ หรือ "บัตรเหลือง" พร้อมบาร์โค้ดที่มีรายละเอียดบัตรประจำตัว (2)
ที่สหรัฐอเมริกามีการพัฒนาระบบหนังสือเดินทางวัคซีนดิจิทัลแยกต่างหากกันไปและยังมีการโต้เถียงในเรื่องนี้ด้วย แต่ก็เริ่มมีการพัฒนาแอปเพิ่อำนวยความสะดวกสำหรับการสันทนาการหมู่ใหญ่ เช่น Excelsior Pass ซึ่งได้รับทุนจากรัฐนิวยอร์ก (ซึ่งมีการระบาดหนักที่สุดรัฐหนึ่งในสหรัฐอเมริกา) เฉพาะในเดือนเมษายนแอปนี้ออกใบรับรองดิจิทัลถึง 500,000 ใบ (3)
นอกจากนี้ยังมี Health Pass ของบริษัท Clear ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับความปลอดภัยในสนามบินแอปของบริษัทนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากงานอีเวนต์ใหญ่ๆ สนับสนุนให้ใช้แอปนี้ เช่น การแข่งขัน Major League Baseball เป็นหนึ่งในธุรกิจขนาดใหญ่กลุ่มแรกสนับสนุนให้แฟนที่มาชมการแข่งขันเบสบอลทำการดาวน์โหลด Health Pass เพื่ออำนวยความสะดวก แอปนี้ยังมีพันธมิตรทางธุรกิจใหญ่ๆ เช่น United Airlines ใช้ในเที่ยวบินจากลอสแองเจลิสไปโฮโนลูลูและ Venetian resort ในลาสเวกัสใช้ในการจัดประชุมสัมมนาใหญ่ๆ
ระบบ Clear จะให้ผู้ใช้อัปโหลดใบขับขี่ (ซึ่งถือเป็นบัตรประจำตัวประชาชนในทางพฤตินัยที่สหรัฐอเมริกา) หรือเอกสารประจำตัวอื่นๆ แล้วถ่ายภาพเซลฟี่ซึ่งระบบจะตรวจสอบว่าตรงกันจากนั้นเชื่อมต่อกับผลการทดสอบโควิด-19 จากห้องปฏิบัติการหลายร้อยแห่งหรือหลักฐานการฉีดวัคซีน เมื่อนำไปใช้จริงสถานที่บางแห่งยังต้องให้มีการระบุอาการต้องสงสัยด้วยหรือการตรวจสอบอุณหภูมิอัตโนมัติที่หน่วยเคลื่อนที่ Clear kiosk เมื่อผ่านแล้วผู้ใช้จะได้รับบัตรผ่าน “สีเขียว” พร้อมภาพถ่ายครึ่งตัวและรหัส QR เพื่อแสดงเจ้าหน้าที่หรือสแกนที่ทางเข้า โดยสถานจัดงานจะเป็นผู้จ่ายเงินใช้บริการระบบนี้ (3)
แต่แอปพวกนี้มีปัญหาน่ากังเวลเช่นกัน เช่น เรื่องความไม่มีประสิทธิภาพ อย่างกรณีของ Excelsior Pass มีผู้เชี่ยวชาญด้านการปกป้องข้อมูลบุคคลรายหนึ่งบอกกับ Washington Post ว่าเขาใช้เวลาเพียง 11 นาทีในการสร้าง Excelsior Pass ปลอมโดยค้นหารายละเอียดของผู้อื่นบนโซเชียลมีเดีย และในกรณีของ Clear กลุ่มสนับสนุนความเป็นส่วนตัวบางกลุ่มกลัวว่าแอพพลิเคชั่น Clear จะเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนเป็นเครื่องมือติดตามผู้บริโภค ในประเด็นนี้ Clear ยืนยันว่าผู้ใช้งานจะเป็นควบคุมบันทึกสุขภาพของตนไม่ใช้ทางบริษัท (4)
ที่อิสราเอลมีความกังวลเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลหลายประการจากการใช้แอป green passport โดยไม่นานหลังจากที่มีการเปิดตัวโครงการ รัฐสภาของอิสราเอลได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพลเมืองที่ปฏิเสธที่จะรับการฉีดวัคซีนได้
นอกจากนี้ Check Point บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอิสราเอลพบข้อบกพร่องร้ายแรงจากการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนซึ่งเป็นไฟล์ PDF โดยพวกเขาทำคลิปอธิบายว่าอาจมีการปลอมแปลงเอกสารโดยใช้ Photoshop หรือ Acrobat หรือโปรแกรมแก้ไขภาพหรือเอกสารภาพใดๆ เพื่อสร้างเอกสารปลอมว่าคนๆ นั้นรับวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสแล้ว (5)
อีกปัญหาหนึ่งคือ องค์การอนามัยโลกไม่ค่อยจะสนับสนุนการออกหนังสือเดินทางวัคซีน เนื่องจากความไม่สมดุลในการกระจายวัคซีนระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว (ที่ไปถึงขั้นทำแอปหนังสือเดินทางวัคซีน) กับประเทศกำลังพัฒนา (ที่บางแห่งฉีดวัคซีนแค่หลักแสนคน) จึงมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของหนังสือเดินทางภูมิคุ้มกันสำหรับนักเดินทาง ในการประชุมวันที่ 15 เมษายน 2564 คณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกคัดค้านหนังสือเดินทางภูมิคุ้มกันโดยกล่าวว่า "รัฐภาคีได้รับการกระตุ้นเร้าอย่างยิ่งให้รับทราบถึงศักยภาพของข้อจำกัดในการพิสูจน์การฉีดวัคซีน ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความไม่เท่าเทียมกันและส่งเสริมให้เกิดความแตกต่างกันในเสรีภาพในการโยกย้ายเคลื่อนที่" (6)
อ้างอิง
1. "COVID-19: Digital green certificates". (2021). European Commission website.
2. "Coronapas: The passport helping Denmark open up after Covid". (21 April 2021) BBC.
3. "‘Vaccine Passport’ Apps Gaining Traction in Airports, Live Events". (May 5, 2021). Insurance Journal.
4. "Your most important vaccine passport questions, answered". (April 27, 2021). Vox.
5. "Israel’s Green Pass PDF Vaccination Certificate contains security flaws". (2021)Itext news .
6. "WHO says against proof of Covid-19 vaccination for international travel". (April 20, 2021). SCMP.
ภาพ - ตัวอย่างแอป CommonPass
- 358 views