ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 วันนี้พุ่งถึง 279 ราย มี 235 ราย ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ พร้อมเปิดไทม์ไลน์ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายอายุ 44 ปีมีประวัติไปร้านอาหารกึ่งบาร์ในกทม. และชายไทย 70 ปี อ.แม่สอด จ.ตาก รวมเสียชีวิต 63 ราย

เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2564  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย ว่า วันนี้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็นเสียชีวิต 63 ราย และติดเชื้อในประเทศเพิ่มอีก 279 ราย ทำให้ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 7,163 ราย ทั้งนี้ไทม์ไลน์การระบาดชัดเจนว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. พบเชื้อที่จ.สมุทรสาคร วันที่ 21 ธ.ค. พบที่จ.นนทบุรี วันที่ 23 ธ.ค.พบภาคตะวันออก ตั้งแต่ระยอง มาชลบุรี ขณะเดียวกันกลางเดือนธ.ค.ก็ยังพบการระบาดในกทม. ทำให้ตัวเลขสะสมต่อวันพุ่งขึ้น จนวันนี้จำนวน 279 รายถือเป็น New High โดยจำนวน 235 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรคขณะที่อีก 16 รายเป็นการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน ส่วนอีก 6 ราย เป็นผู้ป่วยทีเดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันโรค

“สำหรับ 257 รายที่อยู่ระหว่างสอบสวน ทำให้ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ ดังนั้น หากอยู่ใกล้ใครระวัง โดยพบอยู่ในกลุ่มสมุทรสาคร 3 ราย ระยอง 2 ราย ชลบุรี 1 ราย ในสถานบันเทิง ชุมชน อาชีพเสี่ยงอีก 16 ราย ส่วนอีก 235 ราย ยังอยู่ระหว่างสอบสวนโรค (กทม.6 ราย สมุทรสาคร 89 ราย ชลบุรี 51 ราย ระยอง 37 ราย จันทบุรี 29 ราย สมุทรปราการ 13 ราย ตราด 7 ราย ฉะเชิงเทรา 1 ราย และสระแก้วอีก 2 ราย” นพ.ทวีศิลป์กล่าว และว่า จังหวัดที่มีรายชื่อในกลุ่มก้อนนี้ พวกท่านจะอยู่แบบเดิมไม่ได้แล้ว พวกท่านต้องเข้มการดำเนินชีวิตไปจากเดิม ต้องกระตุกเตือนทุกๆคน

เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ราย รายแรกเป็นชายไทยอายุ 44 ปี (รายที่ 62) มีภาวะอ้วน น้ำหนักมาก และเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ไปร้านอาหารกึ่งบาร์ในกทม. 26-27 ธ.ค.มีไข้ ไอ น้ำมูก วันที่ 28 ธ.ค.มีไข้และเหนื่อยหอบ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น ไปตรวจที่คลินิก ARI รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ มีอาการหายใจเหนื่อย ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 80 ส่งต่อไอซียู เพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ คนไข้อ้วน ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานในการใส่ท่อช่วยหายใจ ต่อมาเวลา 22.00 น.ผลตรวจเสมหะด้วยวิธี RT-PCR พบเชื้อไวรัส วันที่ 31 ธ.ค.ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น จึงส่งต่อรพ.จุฬาลงกรณ์ และเวลา 15.00 น. เสียชีวิตที่รพ.จุฬาลงกรณ์ ทั้งนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว 7 คน และในโรงพยาบาล 6 คน

รายที่สอง เป็นชายไทยอายุ 70 ปี อ.แม่สอด จ.ตาก เสียชีวิตรายที่ 63 มีโรคประจำตัวคือ โรคหลอดเลือดสมอง นอนติดเตรียง โดยวันที่ 29 พ.ย.63 ผู้ติดเชื้อลอบเข้าไทยด้วยช่องทางธรรมชาติเริ่มมีอาการป่วย(หวัด) ลูกเขยเป็นผู้ดูแล วันที่ 2 ธ.ค. ลูกสาวกลับมาจากกทม.มาดูแล วันที่ 4 ธ.ค. มีอาการหอบเหนื่อย เรียกรถพยาบาลเอกชนมารับที่บ้าน ระหว่างทางอาการไม่ดีขึ้นจึงนำส่งรพ.รัฐ ผลตรวจพบโควิด โดยรักษาโควิดอยู่ในรพ.ยาว เนื่องจากผู้สูงอายุ ต้องติดเตียง ต่อมาวันที่ 31 ธ.ค. ปอดอักเสบระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เสียชีวิตเวลา 22.00น. ณ ตอนนี้ มีผู้เสียชีวิต 63 รายแล้ว แสดงให้เห็นว่าความรุนแรงของโรคยังมีอยู่ และยังจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกับประชาชนคนไทยทุกคนในการจัดการกับโรคนี้

อ่านต่อ: สธ. ขอความร่วมมือ 9 จว.เข้มปิดสถานบันเทิง ส่วนร้านอาหารให้จำหน่ายแบบนำกลับ ไม่นั่งกิน