สถานการณ์ทั่วโลกยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ขณะที่เบลเยียมใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ 1 พ.ย.- 13 ธ.ค. 63 เข้มงวดปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมด แต่ให้รับส่งสินค้าที่บ้านได้ ส่วนฝรั่งเศสห้ามออกจากบ้าน ยกเว้นซื้อสินค้าจำเป็น พบแพทย์ หรือ ออกกำลังกายแต่ต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมง 

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 63 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังคงพบการแพร่ระบาดต่อเนื่องมีผู้ติดเชื้อสะสม กว่า 46 ล้านราย ซึ่งแต่ละประเทศได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อที่แตกต่างกันไป ที่น่าสนใจ ได้แก่ ราชอาณาจักรเบลเยียมใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน –13 ธันวาคม 2563 โดยมีมาตรการและข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้น มีการปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมด แต่ยังคงให้บริการรับส่งสินค้าที่บ้านได้ สหราชอาณาจักรได้มีการพิจารณาที่จะปิดล็อกดาวน์เป็นเวลาหนึ่งเดือนทั่วประเทศ และจะผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ก่อนเทศกาลคริสต์มาส

ส่วนที่ฝรั่งเศสภายหลังมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ที่จะบังคับใช้ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นอย่างน้อย โดยห้ามประชาชนออกจากบ้าน ยกเว้นกรณี การซื้อสินค้าจำเป็น พบแพทย์ หรือ ออกกำลังกายแต่ต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมง ส่วนการออกไปทำงานจะอนุญาตให้สำหรับผู้ที่นายจ้างพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังเปิดทำการสอนตามปกติ นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่าในช่วงเย็นของก่อนวันล็อกดาวน์ ประชาชนในกรุงปารีสได้เดินทางออกนอกเมืองเพื่อไปล็อกดาวน์อยู่ในชนบท จนส่งผลให้รถติดยาวสะสมเป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร

สำหรับประเทศไทยยังคงควบคุมสถานการณ์โรคโควิด 19 ได้ดี สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ การรักษามาตรการด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนการ์ดไม่ตก หากเข้าใช้บริการยังสถานที่ต่างๆ ให้ลงทะเบียนเข้า-ออก ผ่าน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะง่ายต่อการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ช่วงนี้ประเทศไทยสภาพอากาศเปลี่ยนเนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ป่วยด้วยโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ได้ง่าย ซึ่งไข้หวัดใหญ่และโควิด 19 มักมีอาการคล้ายคลึงกัน ติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วย จากการไอ จาม อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง กินของร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด หลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสบริเวณใบหน้า ขอให้เฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนใกล้ชิดเสมอ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก หรืออาการระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ให้รีบพบแพทย์ใกล้บ้านทันที พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยงกับเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาและเฝ้าระวังอาการต่อไป

อนึ่ง สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ หรือสถานที่รัฐกำหนด มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,592 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 94.93 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 133 ราย หรือร้อยละ 3.51 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,784 ราย

สำหรับรายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย วันนี้ 

เป็นคนไทย 1 ราย เดินทางมาจากสหราชอาณาจักรเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ตรวจพบเชื้อ ไม่แสดงอาการ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลตามระบบ

เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย เดินทางมาจาก สหราชอาณาจักร 1 ราย, อัฟกานิสถาน 1 ราย และรัสเซีย 1 ราย เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) โดย 1 รายมีอาการ ไอ ไข้ น้ำมูก ส่วนอีก 2 ราย ตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน โดยผู้กักตัวเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายโดยคิดจากประกันโควิด 19 ที่ทำไว้ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ