สธ.เผย “คลินิกทันตกรรม” เปิดบริการกรณีฉุกเฉิน พร้อมทำรายละเอียดบริการให้ชัดเจนขึ้น

กระทรวงสาธารณสุขเผยแม้ “คลินิกทันตกรรม” เป็นกิจการผ่อนปรนระยะที่ 1 แต่ไม่เปิดเต็ม 100% อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดให้ชัดกรณีเข้ารับบริการ ป้องกันเชื้อโควิดแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า สถานการณ์วันนี้ไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม ไม่มีเสียชีวิต ยังเหลือนอนรักษาตัวในรพ. 117 คนทั่วประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวดีแล้ว แต่อย่าตั้งอยู่บนความประมาท การ์ดอย่าตกเพราะผู้ป่วยโควิด-19 เป็นโรคใหม่ที่ค่อนข้างแปลกกว่าโรคทางเดินหายใจตัวเดิม อย่าง เมอร์ส หรือซาส์ เพราะสามารถแพร่โรคได้ทั้งที่ยังไม่มีอาการ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าเมื่อออกจากบ้าน ตลอดจนการล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล

นพ.อนุพงศ์ กล่าวถึงกรณีประชาชนสอบถามว่าจะสามารถรับบริการคลินิกทันตกรรมได้หรือไม่ ว่า คลินิกทันตกรรมนั้นอยู่ในกลุ่มสีขาวที่เปิดแล้ว เพียงแต่ในทางปฏิบัติองค์กรเกี่ยวกับทันตกรรมมีข้อหารือมาทางกระทรวงสาธารณสุขที่ยังห่วงใย ซึ่งตรงนี้อยู่ระหว่างจัดการ แต่ตอนนี้ต้องพิจารณาว่า การเข้ารับบริการทำฟันกรณีฉุกเฉินต้องเป็นแบบใด หรือแบบใดรอได้ จะแบ่งอย่างไร น่าจะเร็วๆนี้จะชัดเจนขึ้น

นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีพบผู้ป่วยรายใหม่ที่จีน และเมืองอู่ฮั่นนั้น พบว่าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังมีการเปิดเมืองมาเดือนกว่าๆ โดยส่วนหนึ่งพบว่ามีการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะบริเวณชายแดน ที่ติดกับรัสเซีย ส่วนที่อู่ฮั่นนั้นเป็นการระบาดภายใน ทราบว่าสถานที่ที่พบผู้ป่วยจะเป็นผู้สูงอายุ เป็นสถานที่เดียวกัน อยู่ระหว่างทางการจีนสอบสวนโรค ซึ่งระบุว่าจะทำทุกอย่างให้จบภายใน 10 วัน

“ส่วนตัวมองว่าลักษณะแบบนี้มีโอกาสเกิดกับทุกประเทศที่มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือเราเองอย่าการ์ดตก ซึ่งเราบล็อกการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศได้อยู่ โดยให้ทุกคนที่มาจากต่างประเทศต้องอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เพราะฉะนั้นจึงต้องเข้มข้นในมาตรการภายในประเทศด้วย 3 สิ่งที่ย้ำเสมอคือ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ยิ่งเราผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมต่างๆ ทุกคนต้องให้ความร่วมมือเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดรอบ 2 อาจจะไม่ถึงกับไม่มีผู้ป่วยเลย แต่ขอให้มีผู้ป่วยในระดับที่เราจัดการได้ ถ้าพุ่งมากเราจะรับมือไม่ไหว” นพ.อนุพงศ์ กล่าว