New England Journal of Medicine เพิ่งตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2020
สรุปภาพรวมจากผู้ป่วยจำนวน 1,099 ราย อายุเฉลี่ยประมาณ 47 ปี แต่มีคนติดเชื้อทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กเล็กไปจนสูงอายุ เป็นเพศหญิงราว 40%
ที่น่าสนใจมากคือ มีผู้ป่วยถึง 1 ใน 4 (26%) ที่ไม่มีประวัติเสี่ยง ทั้งการเดินทางหรือติดต่อกับคนที่มาจากพื้นที่เสี่ยง
มีคนเพียง 2% ที่มีประวัติสัมผัสสัตว์ป่า
ระยะฟักตัวของโรคเฉลี่ย 4 วัน
ไข้: ตรวจเจอแค่ 44% ในช่วงแรก แต่ระหว่างการดูแลรักษาจะเจอ 89%
ไอ: ผู้ป่วยจะมีอาการนี้ถึง 68%
มีอาการรุนแรง: 15% โดยคนที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว (เช่น ความดันโลหิตสูง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง) จะมีโอกาสที่จะติดเชื้อ COVID-19 แล้วเกิดอาการรุนแรงมากกว่าคนไม่มีโรคประจำตัว 2 เท่า
CT scan: ตรวจพบความผิดปกติในปอดของผู้ป่วยถึง 86%
ถ้าทำทั้งเอกซเรย์ปอดและ CT scan จะมีผู้ป่วยอาการรุนแรงเพียง 3% ที่ไม่พบความผิดปกติ แต่ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงจะไม่พบความผิดปกติราว 15%
การตรวจเลือด: พบว่ามีผู้ป่วยถึง 83% จะมีเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ต่ำกว่าปกติ
การรักษา:
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณหนึ่งในสาม (32%)
- ยังไม่มีวิธีรักษามาตรฐาน
- โดยเฉลี่ยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 12 วัน
สิ่งที่ไทยควรพิจารณา:
1. ทบทวนระบบการคัดกรองโรคในปัจจุบัน เพราะโอกาสที่คนติดเชื้อ COVID-19 จะไม่มีไข้ และไม่มีประวัติเสี่ยงนั้นมีพอสมควร
2. ทบทวนนโยบายการเดินทางเข้าออกประเทศโดยเสรีของกลุ่มคนจากประเทศที่มีการระบาดรุนแรง
3. พิจารณาสั่งการงดการจัดงานที่มีคนจำนวนมาก ไม่ควรเกรงกลัวต่ออิทธิพลทางการเมือง หรือเห็นแก่เม็ดเงินซึ่งหน้า เพราะผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคระบาดนั้นใหญ่หลวงนัก และพอเกิดขึ้นมาแล้ว เราคงพอคาดเดาได้ว่า พวกที่ได้หน้าได้เงินก็เปิดตูดหนีหายเข้ากลีบเมฆไปโดยไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ
ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ้างอิง
Guan W et al. Clinical Characteristics of Coronavirus Disease 2019 in China. N Engl J Med, 28 February 2020.
ขอบคุณภาพจากสำนักข่าวซินหัว
- 60 views