รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ เป็นนโยบายหลักของกระทรวงฯ พร้อม ชื่นชม “บุรีรัมย์ โมเดล” ให้เป็นต้นแบบการปลูกกัญชาร่วมกับวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ เก็บผลผลิตส่งโรงพยาบาลคูเมือง

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 ที่อุทยานไม้ดอกเพลาเพลิน จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยนพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สายวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 เยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมสู่ “บุรีรัมย์โมเดล” ในการปลูกและผลิตน้ำมันกัญชาเพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ และโรงพยาบาลคูเมืองบุรีรัมย์ “Khumuang Hospital Medical Cannabis”

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งรัดดำเนินการเป็นอันดับแรกๆ คือ การขับเคลื่อนการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยเขตสุขภาพที่ 9 (นครชัยบุรินทร์) ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ได้ดำเนินการตามนโยบาย โดยให้บุรีรัมย์เป็นจังหวัดหลักร่วมกับวิสาหกิจศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพร เพ-ลาเพลิน เพื่อชุมชน โดยรับเมล็ดพันธุ์กัญชาจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และเก็บผลผลิตที่ได้ส่งให้กับโรงพยาบาลคูเมืองนำไปผลิตเป็นยากัญชา ทั้งในรูปแบบยาแผนไทยและแผนปัจจุบันกระจายสู่โรงพยาบาลภายในเขตสุขภาพ “Khumuang Hospital Medical Cannabis” ซึ่งได้สร้างเป็นต้นแบบบุรีรัมย์โมเดล ปลูกและผลิตยากัญชาและส่งต่อความรู้ด้านการปลูกสู่วิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ร่วมมือกับโรงพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 9

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วิสาหกิจศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพร เพ-ลาเพลิน เพื่อชุมชน เป็นวิสาหกิจชุมชนที่มีความพร้อมทั้งด้านสถานที่ ระบบการปลูก ระบบการรักษาความปลอดภัย โดยได้เริ่ม ปลูกกัญชาล็อตแรกไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ในระบบปิดที่มีการควบคุมระบบความชื้น อุณหภูมิ การให้น้ำ และการควบคุมศัตรูพืช การดำเนินงานครั้งนี้เกิดจากร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)​ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มหาวิทยาลัยรังสิต โรงพยาบาลคูเมือง และวิสาหกิจศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพร เพ-ลาเพลิน เพื่อชุมชน ที่จะร่วมกันปลูกและผลิตน้ำมันกัญชาเพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ให้เกิดเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ จังหวัดบุรีรัมย์มีนโยบายเรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และได้จัดงานพันธุ์บุรีรัมย์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางวิชาการแก่ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาเพื่อรักษาทางการแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงมีผู้จดแจ้งครอบครองกัญชาในระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน 2562 มากที่สุดในประเทศ คือ 1,411 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.89 ของผู้ที่จดแจ้งทั้งหมด