8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ บุก อภ. จี้บอร์ดแก้ปัญหาตามสัญญา ระบุปัญหายาขาดยังรุนแรง ถามที่โรงงานรังสิตเปิดไม่ได้เพราะ ผอ.เตะถ่วงหรือไม่จนกระทบชีวิตผู้ป่วย-ทำลายระบบยาประเทศ
26 ต.ค.57 ที่องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ตัวแทน 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพได้ไปยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาเร่งด่วนของ อภ. ก่อนหน้าที่คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมที่มี พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร เป็นประธานจะเข้าประชุมในช่วงบ่าย
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ ได้ทำหนังสือร้องต่อ พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ประธานบอร์ด อภ. และต่อมาได้รับเชิญให้ร่วมหารือกับประธานบอร์ด อภ.และคณะกรรมการบางส่วนเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมาโดยที่ประธานบอร์ด อภ.ได้ยืนยันต่อสาธารณชนผ่านการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จะเร่งแก้ปัญหาด้วยการเร่งผลิตยาจำเป็นก่อน, เร่งเปิดโรงงานผลิตยาที่รังสิตให้เปิดโรงงานได้ภายในต้นปี 2558 และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการ อภ.ว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ จึงต้องมาทวงถามความคืบหน้า เพราะขณะนี้ ทุกปัญหายังคงอยู่เหมือนไม่ได้รับการแก้ไข
“ขณะนี้ผ่านมาเดือนเศษแล้วนับแต่การหารือ แต่ปัญหาเร่งด่วนต่างๆเหมือนยังไม่ได้ถูกแก้ไขเลย โรงพยาบาลในหลายจังหวัดยังจำเป็นต้องเกลี่ยยาต้านไวรัสเอฟฟาไวเรนช์ (EFV) ให้กับคนไข้ครั้งละ 10-15 เม็ด หรือบางโรงพยาบาลจำเป็นต้องไปซื้อจากบริษัทเอกชนมาสำรองให้คนไข้ไปก่อน ทั้งที่จังหวัดร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู เลย และบางส่วนในจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯและ ชมรมเภสัชชนบทกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล แต่จนถึงขณะนี้กลับไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเปิดใช้งานโรงงานผลิตยาที่รังสิต เราต้องการทราบว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน ทั้งที่บอร์ดมีนโยบายให้เร่งเปิดใช้งานแล้ว เป็นเพราะผู้อำนวยการ อภ.จงใจไม่สนองนโยบายบอร์ด โดยที่ไม่สนใจว่า ปัญหายาขาดกระทบกับชีวิตของผู้ป่วยมากนอกแค่ไหนหรือไม่”
นอกจากนี้ ตัวแทน 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพยังมาทวงถามคำมั่นสัญญาต่อสาธารณะของประธานบอร์ดบอร์ด อภ.ที่ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและประเมิน นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการ อภ.
“จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีผลการสอบประเมินประสิทธิภาพการทำงานของ นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการ อภ. ซึ่งหากไม่มีประสิทธิภาพจริง การปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปจะเป็นการถ่วงรั้งองค์การเภสัชกรรมในภาพรวม หากปัญหานี้ไม่ถูกแก้ไข หรือลากออกไปค่ออีก 3 เดือน 6 เดือน การบริหารงานที่ผิดพลาดและความไร้ประสิทธิภาพของ ผอ. จะหมายถึงชีวิตของผู้ป่วยและเป็นการทำลายความมั่นคงในระบบยาโดยรวมของประเทศ ซึ่งไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากบริษัทยาเอกชนเท่านั้น”
ทางด้านนางสาวสุภัทรา นาคะผิว โฆษกกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพเสริมว่า ไม่เพียงปัญหายาต้านไวรัสขาดแคลน ขณะนี้มีแนวโน้มว่า ยาจำเป็นอีกหลายตัวจำขาดแคลนเพิ่ม
“เช่น ยาโคลพิโดรเกลซึ่งเป็นยาละลายลิ่มเลือด เป็นยาที่ทำซีแอลเดิม อภ.เคยทำหน้าที่ซื้อจากอินเดียเข้ามาให้ทุกระบบสุขภาพ แต่พบว่า ขณะนี้การสั่งยาทำเฉพาะระบบหลักประกันสุขภาพเท่านั้น เชื่อว่าอีกไม่นานยาตัวนี้ในระบบประกันสังคมจะขาดแคลน หากต้องไปซื้อของบริษัทเอกชนราคาจะเพิ่มขึ้นจากเม็ดละ 3 บาทที่ อภ.รับดำเนินการอยู่จะเป็นเม็ดละ 30 บาททันที”
นอกจากนี้ ยังไม่มีการตรวจสอบและเอาผิดกับการเช่าพื้นที่ รพ.มหาสารคามอินเตอร์จัดบริการศูนย์ล้างไต และการจัดจ้างที่ปรึกษาที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในประเด็นนี้ 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ กำลังเร่งรวบรวมข้อมูลและพิจารณานำเรื่องร้องเรียนต่อ ปปช.ต่อไป
ทั้งนี้ 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ ประกอบด้วย ชมรมแพทย์ชนบท, ชมรมเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ, เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ, สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค, มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา และมูลนิธิเภสัชชนบท ได้ร่วมกันสักการะอนุสาวรีย์ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ผู้ก่อตั้งองค์การเภสัชกรรม ก่อนเข้าหารือกับพล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ประธานบอร์ด อภ.เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่บอร์ดจะเริ่มประชุม
- 5 views