สธ. มอบให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ร่วมดูแลรักษาน้องแกรมมี่เด็กอุ้มบุญ อย่างเต็มที่ และให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพร่วมกับแพทยสภาตรวจสอบมาตรฐานคลินิกรับทำเด็กอุ้มบุญตามกฎหมาย
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการช่วยเหลือน้องแกรมมี่ เด็กอุ้มบุญ ที่จังหวัดชลบุรี ว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเด็กเป็นอันดับแรก ซึ่งพบว่าเด็กมีปัญหาบกพร่องทางสมอง และปอดติดเชื้อ ได้มอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเข้าไปประสานงานกับโรงพยาบาลเอกชนที่ดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการดูแลรักษา ค่าใช้จ่าย และการส่งต่อไปรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ซึ่งมีความพร้อมในการดูแลรักษา ขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านร่างกายของเด็ก และความต้องการของมารดา
นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีคลินิกที่รับทำอุ้มบุญ ได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพลงตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าดำเนินการตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 หรือไม่ ซึ่งคลินิกที่ทำอุ้มบุญนี้จะต้องขึ้นทะเบียนกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ และผู้ประกอบวิชาชีพต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านสูตินรีแพทย์ได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพดำเนินการตรวจสอบและประสานแพทยสภาดูแลเรื่องรายละเอียดเรื่องนี้ เนื่องจากการผสมเทียมหรือทำเด็กหลอดแก้ว จะต้องดำเนินการตามประกาศแพทยสภาที่ 1/ 2540 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีแพทย์ที่ผ่านการอบรม และสถานพยาบาลต้องได้รับการขึ้นทะเบียน ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และผู้รับบริการต้องมีปัญหาการมีบุตรยาก และประเด็นสำคัญผู้ที่รับการตั้งครรภ์แทนจะต้องเป็นญาติโดยสายเลือดคือพี่หรือน้อง จึงไม่สามารถจ้างผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดมารับตั้งครรภ์แทนได้ตามกฎหมาย
สำหรับการจัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ซึ่งผ่านกฤษฎีกาแล้ว น่าจะต้องมีการทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าวให้เกิดความครอบคลุม และสังคมต้องช่วยกันพิจารณาว่าเหมาะสมกับสังคมไทยหรือไม่
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสุนนบริการสุขภาพ กล่าวว่า สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แพทยสภา ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ควบคุมกำกับมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ โดยจัดประชุมชี้แจงผู้ประกอบกิจการและสถานพยาบาล ทั้งรัฐ เอกชน และคลินิกเฉพาะทางสูตินรีเวช ย้ำเตือนมาตรการดังกล่าวไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับกฎหมาย ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับของแพทยสภาอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการโฆษณาเชิงการค้า หากสถานพยาบาลใดมีการโฆษณาเชิงการค้าและมีการอุ้มบุญ เลือกเพศ จะเข้าดำเนินการตามกฎหมายทันที เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากผลกระทบภายหลังการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของสถานพยาบาล
- 5 views