ประชาชาติธุรกิจ - เปาโล นวมินทร์ ยกระดับรีแบรนดิ้งเป็นพญาไท ยึดเบอร์ 1 โรงพยาบาลเอกชนฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก เสริมทีมแพทย์เฉพาะทาง ลงทุนเครื่องฉายแสง 3 มิติ ชูจุดแข็ง "ศูนย์มะเร็งครบวงจร" ดันเป็นแฟลกชิปเครือพญาไท-เปาโล หวั่นการเมืองลากยาว กระทบยอดครึ่งปีหลัง
นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท และเปาโล เมโมเรียล กล่าวว่า หลังเปิดให้บริการโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สาขานวมินทร์ เป็นเวลา 2 ปี ล่าสุดได้รีแบรนดิ้ง เป็น "พญาไท" ที่มีความพรีเมี่ยมกว่า "เปาโล" สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าในย่านนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับบีขึ้นไป ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นแหล่งชุมชนและหมู่บ้านขนาดใหญ่จำนวนมากที่มีการขยายตัว โดยเป็นครอบครัวตั้งแต่เด็กจนถึง ผู้สูงอายุที่มีความต้องการการรักษาพยาบาลที่มีความหลากหลาย และเฉพาะทาง มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสจาก ความโดดเด่นด้านทำเลที่ตั้งที่มีความสะดวกในการเดินทาง และอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ มีทางด่วนตัดผ่านหลายสาย จึงเป็นทางเลือกให้กับ ผู้ใช้บริการในย่านดังกล่าว คาดหวังจะได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าและตั้งเป้า สู่การเป็นโรงพยาบาลเอกชนอันดับ 1 ในโซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ซึ่งในย่านนี้นอกจากพญาไทแล้ว ก็ยังมีโรงพยาบาลเอกชนอื่น ๆ อาทิ สินแพทย์, เสรีรักษ์ และโรงพยาบาลรามคำแหง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มลูกค้าของเปาโลและพญาไทมีความแตกต่างกัน โดยโพซิชันนิ่งของแบรนด์พญาไทจะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน และไม่รับคนไข้ ประกันสังคม ขณะที่แบรนด์เปาโลจะเน้นลูกค้าระดับแมสซึ่งจะรวมถึงคนไข้ประกันสังคมด้วย
จากแนวทางดังกล่าวได้ปรับภาพลักษณ์สถานที่ คุณภาพการให้บริการ เทคโนโลยีการรักษาให้มีมาตรฐานเดียวกับเครือ โรงพยาบาลพญาไท โดยเฉพาะการขยายศูนย์แพทย์เฉพาะทางให้มากขึ้น อาทิ ศูนย์มะเร็ง ศูนย์กระดูกสันหลังและระบบประสาท ศูนย์โรคกระดูก ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ
โดยเฉพาะศูนย์มะเร็งถือว่ามีความครบวงจร และวางเป็นแฟลกชิปของกลุ่ม พญาไทและเปาโล โดยลงทุนเพิ่มในแง่ของการซื้อเครื่องฉายแสง 3 มิติ อีก 1 เครื่องจากที่มีอยู่แล้ว 1 เครื่อง มูลค่า 50-60 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการคนไข้และการขยายบริการที่มีความร่วมมือกับภาครัฐ ส่งต่อคนไข้ประกันสังคม ประกันสุขภาพถ้วนหน้า และกลุ่มข้าราชการ ดูแลเรื่องการฉายแสง ปัจจุบันมีคนไข้กลุ่มนี้กว่า 70% อีก 20-30% เป็นคนไข้ระดับบนที่มีกำลังซื้อ ปัจจุบันมีผู้ป่วยฉายแสงวันละ 30-40 คน จากการเพิ่มเครื่องฉายแสงจะทำให้รองรับผู้ป่วยฉายแสงได้ถึง 100 คน/วัน
ปัจจุบันยังมีการขยายตัวของคนไข้ ต่างประเทศ มีสัดส่วน 10-15% ของคนไข้ทั้งหมด หลัก ๆ เป็นกลุ่มอาหรับและ เมียนมาร์ ซึ่งโรงพยาบาลได้จัดให้มี ล่ามฟูลไทม์ อาทิ ล่ามอารบิก เมียนมาร์ และบังกลาเทศไว้รองรับ
"ตั้งแต่เข้าซื้อกิจการจากโรงพยาบาลศรีสยาม ได้รีโนเวตเป็นโรงพยาบาลเปาโล และปรับปรุงเพิ่ม เมื่อรีแบรนด์เป็นพญาไท ในครั้งนี้ได้ใช้งบฯรีโนเวตไปแล้ว กว่า 500 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา"
รายได้กลุ่มพญาไทและเปาโลปี 2556 คิดเป็น 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นพญาไท 70% เปาโล 30% ทั้งนี้จากการรีแบรนดิ้งจะทำให้สัดส่วนรายได้กลุ่มพญาไทเติบโตขึ้น โดยเฉพาะสาขานวมินทร์น่าจะเติบโตสูงสุดหรือ 20% ขณะที่ภาพรวมทั้งเครือพญาไทและเปาโล คาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลขเกือบสองหลัก
"โรงพยาบาลพญาไทและเปาโลบางสาขาอยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุม แต่หลังจาก กปปส. คืนพื้นที่ คนไข้เริ่มกลับมาใช้บริการตามปกติ ความสนใจดูแลสุขภาพยังเป็น สิ่งจำเป็น แต่ถ้าคนไม่มั่นใจสถานะทางการเงิน เรื่องสุขภาพก็อาจจะถูกจัดไว้เป็นลำดับ รอง ๆ ปัจจัยกังวลขณะนี้คือกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า เป้าหมายที่เป็นคนชั้นกลาง ถ้าสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อในครึ่งแรกของปี ก็จะ ส่งผลกระทบต่อครึ่งปีหลัง แต่ได้ปรับแผนเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและบริหารจัดการ"
สำหรับแผนลงทุนอื่น ๆ ในปีนี้ได้เตรียมงบฯเกือบ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯที่ใช้ในการบริหารจัดการในโรงพยาบาลเดิมที่มีอยู่ และซื้อเครื่องมือแพทย์ 700 ล้านบาท อีก 300 ล้านบาทเป็นการลงทุนขยายสาขาใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลเปาโล สาขารังสิต ทำเลติดกับฟิวเจอร์ พาร์ค โดยได้เช่าที่ดินของทางฟิวเจอร์ฯ ระยะเวลา 30 ปี พื้นที่ 7-8 ไร่ เป็นโรงพยาบาลขนาด 150 เตียง เฟสแรกจะเริ่มเปิดให้บริการแผนกผู้ป่วยนอกและคลินิก ช่วงกลางปี 2558 ทำให้มีสาขาทั้งสิ้น 9 สาขา เป็นแบรนด์พญาไท 5 สาขา และเปาโล 4 สาขา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 - 23 มี.ค. 2557--
- 249 views