กรุงเทพธุรกิจ - กรมควบคุมโรคพบคนไทยป่วยไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ H1N1 จำนวน 11,513 คน เสียชีวิตแล้ว 6 ราย ช่วงม.ค.-ก.พ. เผย"เด็กเล็กอายุ 10-14ปี-ผู้สูงอายุ"เสี่ยงป่วย พบมากสุดพื้นที่ลำปาง-อุตรดิตถ์-พะเยา-เชียงใหม่ แนะวิธีป้องกันหมั่นล้างมือให้สะอาด ไอ จาม ปิดปากปิดจมูก
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ช่วงนี้สภาพอากาศในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนจากปลายฤดูหนาวเข้าสู่ต้นฤดูร้อน ช่วงเช้าอากาศจะเย็นแต่ช่วงบ่ายอากาศจะร้อน บางวันอาจมีหมอกลงหรือมีฝนตก ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ อาจเจ็บป่วยด้วยอาการไข้หวัด ได้ง่าย
ทั้งนี้จากรายงานการเฝ้าระวังผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ 1 ม.ค.-1 มี.ค. 2557 พบมีผู้ป่วยทั่วประเทศสะสม 11,513 ราย เสียชีวิต 6 ราย แต่ยังไม่พบการระบาดรุนแรงในประเทศไทย กลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดคือช่วงอายุ 10-14 ปี ร้อยละ 12.46 รองลงมา คือ อายุ 7-9 ปี ร้อยละ 12.02 และ อายุ 25-34 ปี ร้อยละ 10.35 จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ลำปาง อุตรดิตถ์ พะเยา เชียงใหม่ และระยอง
ส่วนช่วงนี้ที่มีข่าวโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาดในหลายพื้นที่ จนมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิต อาจทำให้ประชาชนวิตกกังวลและตื่นตระหนกได้ ในประเด็นนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคมีการเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิดและตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งปัจจุบันห้องปฏิบัติการของประเทศไทยสามารถตรวจวิเคราะห์โรคนี้ได้ และยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช7 เอ็น9 (H7N9) เอช10 เอ็น8 (H10N8) และ เอช5 เอ็น1 (H5N1)ในประเทศไทย แต่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลหรือโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ เอช1 เอ็น1 (H1N1)
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้เข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและสัตว์ปีกอย่างต่อเนื่อง มอบหมายให้กรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ(สสจ.) ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด ตั้งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วที่สามารถ ควบคุมการระบาดของโรคในพื้นที่และให้การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างทันท่วงที
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ผู้ที่ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ อาการมักนำด้วยเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5-7 วัน แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงจะมีอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
สำหรับการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่นั้น จะใช้การรักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน ให้นอนหลับพักผ่อนมากๆ ในห้องที่อากาศถ่ายเทดี ไม่ควรออกกำลังกาย ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำผลไม้มากๆ และสวมหน้ากาก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่น
ส่วนประชาชนกลุ่มเสี่ยงซึ่งได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้มีภูมิต้านทานโรคต่ำ และผู้มีโรคอ้วน หากมีอาการสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ให้รีบพบแพทย์
ในกรณีที่มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มากกว่า 1 คนในสถานที่ที่คนอยู่จำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานศึกษา โรงงาน สำนักงานต่างๆ แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดเรียนหรือหยุดทำงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน และให้ทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ อย่างเช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร ฯลฯ ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไปอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง
"โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยตนเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้าและผ้าเช็ดตัว ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น และติดตามคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด"
ส่วนผู้ที่ดูแลและคลุกคลีกับผู้ป่วย ควรสวมหน้ากากป้องกัน หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย สัมผัสตัวหรือข้าวของเครื่องใช้ผู้ป่วย ดูแลสุขภาพอนามัยตนเอง หลังจากดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด "นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า หากมีอาการเจ็บป่วย เช่น มีไข้ หายใจหอบเหนื่อย ภายใน 7 วัน ให้มาพบแพทย์และแจ้งประวัติการสัมผัสผู้ป่วยให้แพทย์ทราบ ประชาชนที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค โทร. 02-590-3159 หรือ เว็บไซต์http://beid.ddc.moph.go.th หรือ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 6 มีนาคม 2557
- 2 views