ไทยรัฐ - สธ.ตั้งศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งในภาคอีสานเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ รพ.ขอนแก่น และ รพ.ร้อยเอ็ด หลังโรคมะเร็งคร่าชีวิตคนขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม สูงอันดับ 1และยอดป่วยรายใหม่เพิ่มปีละ 4,000-5,000 ราย มั่นใจลดคิวรอฉายแสง จาก 6-8เดือน เหลือเพียง 1 เดือน…

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 57 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. และคณะ เดินทางไปตรวจราชการที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อติดตามระบบการจัดบริการของเขตบริการสุขภาพที่ 7 ซึ่งประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และมหาสารคามดูแลประชาชนประมาณ 5 ล้านคน โดยมี นพ.รัฐวุฒิ สุขมี ผู้ตรวจราชการประจำเขต นำเสนอภาพรวม ผลการพัฒนาของสถานบริการสาธารณสุขระดับต่างๆ ในพื้นที่

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ พบว่าในเขตบริการสุขภาพที่ 7มีความก้าวหน้าในการบริหารและจัดระบบบริการดูแลประชาชน เชื่อมโยงการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยร่วมกัน ระหว่างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ลงไปถึงระดับเล็กสุด คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ภายในเขตสุขภาพ และภายในจังหวัดเดียวกัน ที่สำคัญได้ใช้ข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย นำไปสู่การจัดระบบการแก้ไขป้องกันในระดับพื้นที่เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยด้วย เช่น โรคมะเร็งซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนในเขตสูงเป็นอันดับ 1ป่วยรายใหม่ปีละ 5,000-6,000 ราย ที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี รองลงมา คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปอด ผู้ป่วย 1 ใน 3ไปพบแพทย์ เมื่อเซลล์มะเร็งลุกลามไปแล้ว ทำให้โอกาสการมีชีวิตรอดสั้นลงนพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่ดังกล่าว มีศูนย์เชี่ยวชาญรักษาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และที่ จ.อุบลราชธานีทำให้ผู้ป่วยต้องรอคิวรักษานาน โดยเฉพาะการฉายแสง เฉลี่ยรายละ 6-8 เดือน บางรายอาจไม่ทันการจึงได้วางแผนจัดบริการเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการเร็วขึ้นและใกล้บ้าน โดยเพิ่มศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งทุกชนิด 2 แห่ง คือ ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เปิดบริการตั้งแต่ต้นปี2557 เป็นต้นมา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดซื้อเครื่องฉายแสงรักษา วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งและให้บริการสมบูรณ์แบบประมาณเตือน ต.ค. 2557 และแห่งที่ 2 คือ โรงพยาบาลร้อยเอ็ดซึ่งเน้นความเชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นพิเศษ จะส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการรวดเร็วขึ้นรอคิวฉายแสงไม่เกิน 1 เดือนทางด้าน นพ.วชิระ กล่าวว่า เรื่องโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงสนพระทัยโรคมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาวดิบและให้มีความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมทั้งการศึกษาวิจัยโรคมะเร็งตับเพื่อการป้องกันในระยะยาวต่อเนื่อง ร่วมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในพื้นที่ อ.พนมไพร

"ผลการศึกษาเบื้องต้น โดยตรวจอุจจาระหาไข่พยาธิใบไม้ตับ จำนวน 14,000 ราย พบผู้ป่วยที่เริ่มมีความผิดปกติที่ตับ จำนวน 40 รายและในปีนี้จะขยายศึกษาใน อ.โพนทองอ.เมยวดี และ อ.โพธิ์ชัยด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถค้นหาผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ ตั้งแต่เริ่มมีความผิดปกติที่เซลล์และให้การรักษาป้องกันการเสียชีวิตได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าจัดแผนการจัดบริการรักษาโรคที่ซับซ้อน ควบคู่ไปกับการป้องกันการป่วยจากโรคนั้นๆ ในระดับตำบลและระดับอำเภอไปพร้อมๆ กัน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงเป็นต้น" นพ.วชิระ กล่าว.

ที่มา: http://www.thairath.co.th