กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมสอบสวนโรคจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานควบคุมป้องกันโรค ร่วมกับทีมปศุสัตว์ ลงพื้นที่ตำบลวังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้แมวตายกว่า 30ตัว และทำการควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจาย เผยผลการตรวจซากแมว ไม่พบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ด้านสัตวแพทย์คาดสาเหตุแมวตายน่าจะมาจากติดเชื้อไวรัสหัดแมว เชื้อนี้ไม่ติดคนและไม่ติดสุนัข มีวัคซีนฉีดป้องกัน แนะให้บ้านที่มีแมวตาย ล้างทำความสะอาดพื้นบ้าน ชามอาหาร ที่รองนอน ที่รองขับถ่าย และเฝ้าระวังการป่วยในคนเป็นเวลา 3-4 สัปดาห์ หากมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ จะส่งพบแพทย์ตรวจรักษา

จากกรณีพบแมวในหมู่บ้านที่ 1 และหมู่ที่ 3 ตำบลวังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร    ตายกว่า 30 ตัว ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนตายมีอาการซึม ไม่กินอาหาร จากนั้นอาเจียนและชัก ประชาชนวิตกว่าอาจเป็นโรคประหลาด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเคยพบเชื้อไข้หวัดนกมาก่อน   โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ส่งซากแมวตรวจชันสูตรหาเชื้อที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนล่างจ.พิษณุโลกแล้ว

ความคืบหน้าในเรื่องนี้วันนี้ ( 7 กุมภาพันธ์ 2557) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพงเพชร สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8จังหวัดพิษณุโลก ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อดำเนินการสอบสวน ควบคุมป้องกันโรคที่หมู่บ้านที่พบแมวตาย ผลการตรวจซากแมวตายเบื้องต้นจากห้องปฏิบัติการ ตรวจไม่พบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า แสดงว่าแมวไม่ได้ตายจากโรคพิษสุนัขบ้า

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ในเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำประชาชนเพื่อคลี่คลายความวิตกกังวล โดยในบ้านที่มีแมวตาย ขอให้ล้างทำความสะอาดพื้นบ้านด้วยผงซักฟอก หรือผงฟอกขาว ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ขณะทำความสะอาดให้สวมถุงมือยางหรือสวมถุงพลาสติก และสวมหน้ากากป้องกันโรค อุปกรณ์ต่างๆ หลังใช้แล้วให้ฝังหรือเผาทำลายทิ้ง และหากยังมีแมวตาย ขอให้กำจัดซากแมว โดยให้สวมถุงมือยางหรือสวมถุงพลาสติกหลายชั้น และสวมหน้ากากป้องกันโรค เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรคจากซากแมว

การกำจัดสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ขุดหลุมฝังลึก 75 – 100 เซนติเมตร โดยฝังพร้อมกับหน้ากากป้องกันโรคและถุงมือที่สวมขณะจับซากสัตว์ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย หรือใช้วิธีเผาทำลาย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. เฝ้าระวังอาการป่วยในคน โดยเฉพาะในบ้านที่มีแมวตาย ให้สังเกตอาการป่วยทุกวันเป็นเวลา 3 – 4 สัปดาห์ เชื้อนี้ติดต่อกันทางสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อติดอยู่กับอุจจาระอาจติดตามรองเท้า เสื้อผ้า มือ ไปสู่แมวตัวอื่น ตามมาตรการของกระทรวงฯ หากพบว่ามีไข้ ไอ หอบ จะส่งพบแพทย์ตรวจรักษา ขณะนี้ยังไม่พบมีประชาชนป่วยแต่อย่างใด

ทางด้านสัตวแพทย์หญิงอภิรมย์ พวงหัตถ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ลักษณะอาการของแมวสงสัยว่าน่าจะติดเชื้อในกลุ่มพาร์โวไวรัส (Parvo Virus) ซึ่งทำให้เกิดโรคไข้หัดแมว อาการของโรคนี้ คือ ท้องเสีย อาเจียน หลังจากได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการใน 2 -7 วัน โดยลูกแมวจะมีอาการหนักกว่าแมวโต และพบว่าอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ประมาณ 29-90 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแมวด้วย สำหรับลูกแมวที่มีอาการรุนแรงอาจตายภายใน 7 วัน บางตัวมีอาการตาบอดร่วมด้วย ถ้าอาการหนักมากอาจเป็นอัมพาตได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เพราะโรคนี้ไม่สามารถติดต่อสู่คนและสุนัขได้   ในแมวมีวัคซีนป้องกัน