เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวถึงกรณีการเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป (ไทยอียู) รอบ 2 ระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน ที่โรงแรมเมอริเดียน จ.เชียงใหม่ ว่า การเจรจาครั้งนี้ ไม่มีความชัดเจนถึงกรอบเจรจาสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ทั้งๆ ที่เป็นสินค้าอันตรายต่อสุขภาพ เพราะหากมีการเจรจาและกำหนดให้เป็นสินค้าเสรี ทุกอย่างก็จะเสรี ทั้งการดื่ม การจำหน่าย นักดื่มหน้าใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ปัญหาสุขภาพก็จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากข้อกังวลดังกล่าว ที่ผ่านมาได้แสดงความห่วงใยไปยังกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าอันตราย ฆ่าคนได้มากกว่าอาวุธ จึงไม่ควรจัดอยู่ในกรอบการเจรจาไม่ว่าเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า น่ากังวลที่สุดคือ เมื่อเหล้าถูกจัดเป็นสินค้าเสรีจริงๆ จะส่งผลต่อการออกกฎหมายของไทย เหมือนกรณีขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่จากร้อยละ 55 เป็นร้อยละ 85 แต่กลับถูกธุรกิจบุหรี่ยื่นฟ้อง จนต้องชะลอการประกาศใช้กฎหมายนั้น ก็เป็นสัญญาณว่า หากมีการเปิดเสรีทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นเหล้า หรือบุหรี่ ย่อมมีผลต่อการออกกฎหมาย โดยเฉพาะการห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเมื่อเข้า สู่กรอบการเจรจาเอฟทีเอ ย่อมถูกจัดเป็นสินค้า ประเด็นห้ามโฆษณาก็อาจเข้าข่ายขัดขวางการเปิดเสรีได้อีก ซึ่งหากไม่ยอมจะมีการฟ้องร้อง โดยไม่ใช่แค่ธุรกิจกับรัฐบาลไทย แต่จะเป็นระดับประเทศ กลายเป็นการฟ้องร้องในระดับอนุญาโตตุลาการ ทางที่ดีที่สุดควรป้องกันก่อนเกิดปัญหาดีกว่า และเพื่อแสดงจุดยืนในการคัดค้านเรื่องนี้ ภาคประชาชน ทั้งกลุ่มข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน หรือ FTA Watch มูลนิธิชีววิถี องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และองค์กรงดเหล้าต่างๆ จะมีการรวมตัวกันระหว่างวันที่ 18-19 กันยายน ที่ลานท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามการเจรจาครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
--มติชน ฉบับวันที่ 19 ก.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--
- 2 views