คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 มีมติรับทราบรายงานการปรึกษาหารือเรื่องการสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า

จากการที่มีการร้องเรียนในเรื่องการปรับระบบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) และขยายตัวไปสู่เรื่องอื่น ๆ นั้น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) ได้เป็นประธานในการปรึกษาหารือเพื่อแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนด้านความเป็นธรรมด้านสาธารณสุข 2 ครั้ง คือในวันที่ 4 และ 6 มิถุนายน 2556 ซึ่งมีผู้แทนจาก 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กลุ่มสหภาพแรงงานองค์การเภสัชกรรม และกลุ่มเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชนเข้าร่วมหารือ โดยมีข้อสรุปดังนี้

1) ผลการปรึกษาหารือเป็นที่เข้าใจได้ว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยกับหลักการของระบบค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน หรือ พีฟอร์พี (P4P) ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการบริการต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เห็นด้วยว่าการคงบุคลากรทางการแพทย์ให้อยู่ในชนบท ซึ่งมาตรการหนึ่งที่จำเป็นคือมาตรการทางการเงิน และเห็นด้วยว่าต้องมีมาตรการลดความเหลื่อมล้ำของรายได้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ไม่ได้คิดจะดึงผู้ที่มีรายได้สูงลงมา แต่จะหาวิธีฉุดผู้ที่มีรายได้น้อยขึ้นไป ซึ่งการทำพีฟอร์พี เป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยได้

2) ที่ประชุมเข้าใจตรงกันว่า การทำพีฟอร์พี มีบริบทในการทำงานของแต่ละหน่วยบริการมีความแตกต่างกัน หลักการที่สำคัญที่สุดคือต้องมีกติกากลางกำหนดขึ้นมา เพื่อให้แต่ละหน่วยบริการใช้ดำเนินการ ไม่ให้มีความแตกต่างหรือเกิดปัญหามากขึ้น   เช่น ด้านความมั่นคง  ไม่ใช้เงินมากเกินไป  ขณะที่มีปัญหาค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาลอยู่แล้ว  สามารถนำรายละเอียดปลีกย่อยไปปรับให้เหมาะสมกับหน่วยบริการแต่ละระดับได้ 

3) ที่ประชุมเห็นต้องกันว่า จะทำพีฟอร์พีที่เป็นไปตามบริบทของพื้นที่ ที่จัดให้เหมาะสมตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 โดยให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงรายละเอียด หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและเตรียมความพร้อมให้ รพช. ทุกแห่งสามารถทำพีฟอร์พีได้ และระหว่างนี้ โรงพยาบาลที่ได้มีการดำเนินมาแล้ว ตั้งแต่ 1 เมษายน 2556 อาจมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำพีฟอร์พี จะต้องได้รับการชดเชย ตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ทำที่เกิดจากความไม่พร้อมของกระทรวงสาธารณสุขอันเนื่องมาจากความไม่ชัดเจนของข้อมูล จนไม่สามารถที่จะทำได้ก็จะได้รับการชดเชย แต่ทั้งนี้การชดเชยจะไม่รวมถึงผู้ที่ไม่ทำ เพราะจะเป็นอันตรายทางด้านจริยธรรม

ทั้งนี้  ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่ 2 ประการ คือ

-  ปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อจำกัดต่าง ๆ  ที่เป็นปัญหาอุปสรรคหรือไม่สอดคล้องแต่ละพื้นที่หรือระดับของหน่วยบริการให้ชัดเจน  เพื่อเป็นหลักการที่ทุกคนต้องทำ เพื่อพัฒนาพีฟอร์พีให้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยบริการแต่ละระดับ และให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอยู่ในระบบได้

-  คิดมาตรการชดเชย เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายตาม ฉบับ 8 และการทำพีฟอร์พี ตามฉบับ 9 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ได้มีการดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ 1 เมษายน 2556 รวมถึงผู้ต้องการจะทำพีฟอร์พีแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ อันเนื่องจากความไม่พร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่สามารถสนับสนุนการทำพีฟอร์พี หรือความไม่ชัดเจนของข้อมูลจนโรงพยาบาลไม่สามารถที่จะทำได้ก็จะได้รับการชดเชย แต่มาตรการนี้จะไม่ครอบคลุมถึงผู้ที่ตั้งใจต่อต้านหรือจะไม่ทำ เพราะจะเป็นอันตรายทางด้านจริยธรรมโดยคณะทำงาน จะต้องมาจากบุคลากรทุกวิชาชีพ สถานบริการแต่ละระดับ เนื่องจากพีฟอร์พีเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหลายวิชาชีพ  โดยจะถือหลักการทำงานด้วยเหตุและผล ไม่ใช้วิธีการตัดสินด้วยเสียงส่วนใหญ่  ซึ่งกำหนดไว้ว่าจะดำเนินการให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน เตรียมพร้อมก่อน 2 เดือน ก่อนที่จะดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 1 ตุลาคม 2556

ที่มา : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มิถุนายน 2556