หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไทยเจ๋ง สมัชชาสหประชาชาติยกเป็นต้นแบบให้ประเทศกำลังพัฒนา พร้อมเรียกร้องทั่วโลกเร่งดำเนินการตามมติรับรองวาระหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ป้องกันไม่ให้ประชากรกว่า 3 พันล้านคนต้องล้มละลายและยากจนจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นสพ.เดอะ การ์เดี้ยน ของประเทศอังกฤษ รายงานข่าวว่า ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองวาระหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ประเทศต่าง ๆ จัดระบบบริการสุขภาพสำหรับประชาชนในประเทศ โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการตรง แต่ให้จ่ายทางอ้อมผ่านระบบภาษี และมีกลไกที่รวมความเสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนล้มละลายหรือยากจนจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งมติดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐ อังกฤษ แอฟริกาใต้ และไทย
นพ.จรัล กล่าวต่อว่า จากการวิจัยที่มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ให้ทุนสนับสนุนพบว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดหรือเศรษฐกิจแบบไหน ผลการศึกษายังพบอีกว่าแต่ละปี ประชากรโลก 150 ล้านคน ต้องจ่ายค่าบริการสุขภาพแพงมาก เป็นผลให้ 25 ล้านครัวเรือน มีฐานะยากจนลง และมีประชาชนมากกว่า 3,000 ล้านคนต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยเงินของตนเอง ทำให้ผู้หญิงและเด็กจำนวนมากรับผลกระทบ เช่น ต้องออกจากการเรียนเพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล การรับรองมติดังกล่าวนั้น หมายความว่าต่อไปนี้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเป็นวาระสำคัญของสหประชาชาติ และเป็นเป้าหมายหนึ่งของการพัฒนาหลังปี ค.ศ. 2015
"ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของไทยในฐานะเป็นผู้บุกเบิกการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งครอบคลุมประชาชน ทุกคนตั้งแต่ปี 2545 ประชาชนไทยประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านบริการสุขภาพที่ครอบคลุม ตั้งแต่การป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ บริการปฐมภูมิ การรักษาพยาบาลทุกระดับ รวมถึงการบริการที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น รังสีรักษา ยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี และมีความก้าวหน้าในการสร้างความเสมอภาคด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว เป็นต้นแบบให้ประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และจีน มีแผนที่ชัดเจนที่จะสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ครอบ คลุมประชากรของตนเอง" นพ.จรัลกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 24 ธันวาคม 2555
- 1 view