แพทยสภา เตรียมจัดงาน "ไทยแลนด์ เมดิคัล เอ็กซ์โป" 31 ต.ค.-2 พ.ย. นี้โชว์ศักยภาพ 19 คณะแพทยศาสตร์ของไทย พร้อมให้ความรู้ประชาชน เน้นป้องกันโรค สาธารณสุข เดินหน้าดันไทยศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติหวังดูดรายได้ 8 แสนล้าน

นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้ ทางแพทยสภาอยู่ระหว่างการจัดเตรียมงาน "ไทยแลนด์ เมดิคัลเอ็กซ์โป 2555" ซึ่งขอเรียนว่า เป็นคนละงานกับที่ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะจัดขึ้น โดยงานนี้เป็นงานในส่วนของทางแพทยสภาเอง ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ต.ค.- 2 พ.ย. 2555 มีคณะแพทยศาสตร์ 19 คณะ จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วม อาทิเช่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี เป็นต้น

การจัดงานนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เน้นไปที่การแสดงศักยภาพของคณะแพทย์ต่างๆ โดยในงานจะมีทั้งการนำเสนอผลงานวิชาการด้านการรักษา นวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการเน้นการส่งเสริมป้องกันโรคให้กับคนไทย และจะได้เชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานในพิธีเปิด

เสนอจุดเด่นหลักสูตรแพทย์ไทย

รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ในฐานะรองคณบดีคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดีฝ่ายบริการ กล่าวว่า การจัดงาน "ไทยแลนด์ เมดิคัล เอ็กซ์โป 2555" ของทางแพทยสภา ทางรามาธิบดีได้เข้าร่วมในฐานะโรงเรียนแพทย์ นำเสนอความก้าวหน้าในด้านหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งเป็นส่วนพื้นที่ของทางแพทยสภาประสานมา ไม่ใช่ในส่วนของการขายบริการการรักษาพยาบาล

เช่นเดียวกับทางคณะแพทยศาสตร์ของทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยแต่ละคณะแพทยศาสตร์จะนำเสนอจุดเด่นด้านการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน รวมไปถึงงานด้านการวิจัยต่างๆ ซึ่งจะเป็นเวทีสะท้อนศักยภาพความก้าวหน้าของการแพทย์ไทยให้ประเทศได้รับทราบรพ.รามาฯ เล็งเป็นศูนย์แพทย์เอเชีย

ร.ศ.นพ.ธันย์ กล่าวว่า ในโอกาสนี้ทางรามาธิบดีจะนำเสนอข้อมูลโครงการการพัฒนารามาธิบดีสู่คณะแพทยศาสตร์ชั้นนำในเอเชีย ที่ได้มีการเตรียมขยายการก่อสร้างไปยัง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์และพยาบาลมากขึ้น โดยจะมีการเน้นในสาขาด้านอาชีวอนามัยที่ปัจจุบันยังเป็นสาขาที่ขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อความความต้องการ

ในส่วนโครงการขยายโรงพยาบาลรามาธิบดี เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรม ทั้งในจังหวัดสมุทรปราการที่มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และจังหวัดใกล้เคียง การมุ่งเน้นด้านอาชีวอนามัยของรามาธิบดี จึงนับว่าเป็นประโยชน์ต่อแรงงานและชาวบ้านในพื้นที่ รวมไปถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย ทั้งยังประโยชน์ต่อทางคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดีเองในการศึกษา วิจัย โรคที่เกิดในพื้นที่อุตสาหกรรม

"การนำเสนอในงานไทยแลนด์ เมดิคัล ฮับ เอ็กซ์โป เราจะเน้นในด้านวิชาการ การแนะแนวในเรื่องการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนที่จะเข้าเรียนได้เกิดความเข้าใจ และเลือกแนวทางได้อย่างถูกต้อง โดยทางรามาธิบดีจะเน้นด้านพหุศักยภาพ ให้นักศึกษาแพทย์มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ไม่แต่เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น อย่าง การเล่นดนตรี เขียนหนังสือ เป็นต้น ทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดเสรีอาเซียนที่กำลังเกิดขึ้น ที่เราต้องแข่งขันกับทุกชาติ"

สธ.จัดฮับสุขภาพชูนวดไทย

นายวิทยา บุรณศิริ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง นโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือเมดิคัล ฮับ (Medical Hub) เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ ว่า "แนวคิดหลักของนโยบายเน้นในการพัฒนาและส่งเสริมการจัดบริการสุขภาพแบบนานาชาติ (Medical Hub and Wellness) พัฒนาระบบโลจิสติกส์ ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล และส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการตลาด ดำเนินงานแบบบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน"

สำหรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในปี พ.ศ. 2555-2559 ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นเจ้าภาพหลัก มีเป้าหมาย 4 เรื่อง ได้แก่ 1. การรักษาพยาบาล เช่น ทันตกรรม การรักษาโรคเฉพาะทาง การพำนักระยะยาว 2. การส่งเสริมสุขภาพ เช่น สปา นวดเพื่อสุขภาพตั้งเป้าหมาย 8 แสนล้านบาท

ส่วน 3. บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่งเสริมให้จัดตั้งโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์ทางเลือกทุกภูมิภาคให้โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเปิดคลินิกแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลและ 4. ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐาน GMP

ทั้งหมดนี้ เพื่อเป็นการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่คุณภาพระดับนานาชาติ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับการบริการสุขภาพโดยรวมของคนไทย คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมประมาณ 800,000 ล้านบาท

ดังนั้น การจัดงาน Thailand Medical Hub Expo 2012 ครั้งนี้ เป็นการแสดงความพร้อมเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะมีผลในปี พ.ศ. 2558 และการเปิดเสรีทางการค้าในทั่วโลก โดยการจัดงาน จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 ส.ค.- 2 ก.ย. พ.ศ. 2555  ณ Impact Challenger  Hall 2-3 เมืองทองธานี เวลา 10.00 - 20.00 น. ภายใต้แนวคิด Thailand as World Class Health Care Destination หรือประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการดูแลสุขภาพในระดับโลก

อย่างไรก็ตาม การเสนอกิจกรรมภายในงานจะมีผลงานของบริการสุขภาพใน  4 ด้านหลักได้แก่ บริการรักษาพยาบาล บริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ บริการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ผลิตภัณฑ์สุขภาพและยาสมุนไพรไทย ซึ่งจะเป็นการแสดงศักยภาพความพร้อมของบริการสุขภาพให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก อันนำมาสู่การสร้างรายได้ในธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้กับประเทศไทยในอนาคต

ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 25 ส.ค.55