รมช.สธ.เปิดประชุมชี้แจงการขับเคลื่อนนโยบายการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ชี้ 69.3% ผู้สูงอายุ 60-69 ปี ป่วยโรคเรื้อรัง เผยปี 68 เตรียมดูแลอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตสุขภาพละ 1 จังหวัด ชู 5 นวัตกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย 
 
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น พลัส แวนดาแกรนด์ จังหวัดนนทบุรี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการพัฒนานวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยมี นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก คณะผู้บริหาร และภาคีเครือข่ายด้านการดูแลผู้สูงอายุ เข้าร่วมกว่า 200 คน

โดยนายเดชอิศม์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการพัฒนาการแพทย์ปฐมภูมิ และส่งเสริมภาคีเครือข่ายในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพประชาชนโดยสนับสนุนการทำงานของอาสาสมัครหมู่บ้าน (อสม.) และผลิตผู้ดูแลให้พร้อมรองรับสังคมสูงอายุ ตลอดจนสนับสนุนการใช้ยาจากสมุนไพรไทยเสริมประสิทธิภาพการรักษาแผนปัจจุบัน ซึ่งล่าสุด มีรายการยาจากสมุนไพรที่สามารถใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันและเบิกจ่ายได้ตามรายการบริการ (Fee Schedule) 27 รายการ รวมทั้งมีการเพิ่มชุดสิทธิประโยชน์นวัตกรรมพอกเข่ารองรับสังคมสูงอายุอีกด้วย  

การใช้นวัตกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะช่วยเหลือดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มติดบ้าน กลุ่มติดเตียง และกลุ่มติดสังคม โดยพยายามให้กลุ่มที่ติดบ้านออกมาติดสังคมด้วย แล้วเสริมให้กลุ่มติดบ้านและกลุ่มติดสังคม เข้าไปช่วยเหลือกลุ่มติดเตียง อีกทั้งเพิ่มคนด้วยการอบรมนวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มศักยภาพคน ให้มีผู้ช่วยเหลือกลุ่มติดเตียง และดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ให้ครอบคลุมมากขึ้น
 
นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า ในผู้สูงอายุ  60-69 ปี พบว่า ร้อยละ 69.3 ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง และพบเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงได้พัฒนารูปแบบและนวัตกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ โดยบูรณาการร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน และภาคเครือข่ายในระดับชุมชน ครอบคลุมทั้งกลุ่มติดบ้าน ติดเตียง และติดสังคม

จากการดำเนินงาน ตั้งเป้าดูแลกลุ่มติดสังคมไม่น้อยกว่า 160,000 คน กลุ่มติดเตียงและกลุ่มติดบ้าน ควรได้รับการดูแลไม่น้อยกว่า 60,000-90,000 คน โดยผู้ป่วยทั้ง 3 กลุ่มต้องได้รับการดูแลจากนวัตกรรมของการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์มีความพร้อมมากในการทำงาน อีกทั้งปัจจุบัน ผู้สูงอายุดูแลตัวเองได้ดีมากขึ้น 

นอกจากนี้ ในปี 2568 จะมุ่งขยายผลการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจรในพื้นที่ที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดของแต่ละเขตสุขภาพ เขตละ 1 จังหวัด ด้วย 5 นวัตกรรมด้านการแพทย์แผนไทยฯ ได้แก่ ยางยืดพิชิตโรค ยืดเหยียดกล้ามเนื้อข้อต่อและเส้นเอ็น, แผงไข่มะกรูด ลดอาการชาเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน, ออกกำลังกายด้วยชักรอก, ผ้าขาวม้าคลายปวด และตาราง 9 ช่อง เคลื่อนไหวร่างกายแบบ 3 มิติ  ซ้าย-ขวา, หน้า-หลัง และ บน-ล่าง    

"ถ้าผู้สูงอายุเลือกกินอาหารเป็นก็ช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยได้ เพราะสมุนไพรไทยมากมายเป็นประโยชน์ อาจไม่ต้องพึ่งพายาแผนปัจจุบัน เช่น โรคนอนไม่หลับ ก็มีแกงขี้เหล็กช่วยให้นอนหลับสบาย สำคัญคือ การให้ความรู้กับประชาชน ถ้ากินอาหารเป็นก็ไม่เจ็บป่วยอย่างแน่นอน ร่วมกับการออกกำลังกาย แล้วสุขภาพจะดีขึ้นแน่นอน" นายเดชอิศม์ ให้สัมภาษณ์

ด้าน นพ.ศักดา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารสร้างความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยการนำนวัตกรรมไปดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ สร้างความเชื่อมั่นและยกระดับนวัตกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยในการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้น เป็นไปในทิศทางและมาตรฐานเดียวกันอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ แพทย์แผนไทยผู้รับผิดชอบงานด้านผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) และผู้แทนจากชมรมผู้สูงอายุ จำนวนทั้งสิ้น 200 คน