รมว.สธ. ขับเคลื่อนนโยบาย "คนไทยห่างไกลโรค NCDs" ครั้งที่ 2 ภาคอีสาน 11 จังหวัด ร่วมมือ อสม. รณรงค์ลด ป่วย-ตาย ย้ำเงินงบประมาณเหลือจากค่ารักษาจะมาเข้ากองทุน อสม. พร้อมตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต คืบหน้า 60 เปอร์เซ็นต์ 

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง นพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร ตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์ชัยทวีลึมบองการุณย์เวช โดยมีนายนิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเอกพร รักความสุข ผู้ช่วยฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย สส.สกลนคร ประกอบด้วย น.ส.จิรัชยา สัพโส สส.เขต 3 นายพัฒนา สัพโส สส.เขต 4 น.ส.สกุณา สาระนันท์ สส.เขต 6 นายเกษม อุประ สส.เขต 7 อีกทั้งยังมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงในพื้นที่และ อสม.ให้การต้อนรับ

เมื่อมาถึงนายสมศักดิ์ ได้เข้ากราบนมัสการ พระธรรมวัชรญาณวิศิษฎ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดปทุมวนารามซึ่งดูแลภาพรวมสร้างโรงพยาบาล จากนั้นรับฟังรายงานความคืบหน้าของการก่อสร้างโรงพยาบาลซึ่งมีความคืบหน้ากว่า 60 เปอร์เซ็น และจะเปิดให้บริการในปี 2569 จากนั้นได้พบปะกับ อสม.ที่มารอต้อนรับ 

ต่อมา นายสมศักดิ์ และคณะได้เดินทางต่อไปยังมหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อเปิดกิจกรรมการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ครั้งที่ 2 โดยมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.เขต 1 นครพนม นายไพจิต ศรีวรขาน อดีตสส.นครพนม ผู้บริหารจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในเขตสุขภาพที่ 7 และ 8 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อสม. ร่วมให้การต้อนรับ 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเปิดกิจกรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด รอบนี้เป็น 11 จังหวัดภาคอีสาน จัดที่นครพนมและคอนเฟอร์เร้นท์จากห้องประชุมไป 10 จังหวัด เพื่อรับฟังพร้อมๆ กัน เราจะจัดการโรคนี้ได้หรือไม่ ตนเป็น รมว.สธ.ได้เดินทางตลอดพบว่ามีหลายพื้นที่ดำเนินการแล้วได้ผล ผู้คนที่เป็นเบาหวาน หรืออื่นๆ จากการดำเนินการแล้วหายจากโรค ดูอ่อนวัย พูดคุยกับ สส.เพื่อไทย เห็นว่า อสม.สามารถช่วยได้เหมือน โควิด 19 ที่ผ่านมา แต่ก่อนจะให้ อสม.ทำงานต่อไปนั้น ต้องทำให้ อสม.มีความมั่นคง พรรคเพื่อไทย ได้เสนอ ร่างพรบ.อสม.เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยผ่านการประชาพิจารณ์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา  และรวบรวมความเห็นส่งนายกฯ อยู่ในชั้นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำร่าง พรบ.อสม.เพื่อให้มีความมั่นคง คล้ายกับพรรคเพื่อไทย เขียนให้มีกองทุนจึงต้องส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นด้วยแล้ว ถ้าอสม.ช่วยรณรงค์ NCDs ให้ลดลง เงินงบประมาณจะเหลือจากค่ารักษานำเงินนั้นมาเข้ากองทุนให้ อสม. นอกจากนี้ ยังจะมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 6 ซึ่งต้องรอ ร่างพรบ.เกิดความชัดเจน เข้าใจว่าประมาณ ม.ค.- ก.พ. 68  

นายสมศักดิ์ กล่าวว่าอีกว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรค NCDs มากกว่า 4 แสนคนต่อปี ป่วยเพิ่มใหม่ปีละ 2 ล้านคน สูญเสียงบประมาณเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี โดยเฉพาะในปี 67 สูญเสียประมาณถึง 7 หมื่นล้านบาท 

"เราต้องหยุด NCDs ให้ได้ ไม่ทาน หวาน มัน เค็ม เกินไป เราต้องหยุดการตายนี้ให้ได้ สำหรับคนเริ่มป่วย ต้องหยุดให้ได้  พยายามศึกษาจากผู้รู้จากกระทรวงสาธารณสุข ว่าวันหนึ่งเรากินอะไรบ้าง คือ ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดต (ข้าว) คนไทยกินหวานมาก ซึ่งมาจากข้าว เราจึงจะมาคำนวณคาร์บว่าเราสามารถรับประทานข้าวได้กี่ทัพพี" นายสมศักดิ์ กล่าว 

โดยนายสมศักดิ์ ได้บรรยายแบบการคำนวณหาปริมาณคาร์บเพื่อใช้ในการพร่องแป้ง หรือโลว์คาร์บ และได้ให้น.ส.ตรีชฎา ขึ้นเวทีร่วมการสาธิตการนับคาร์บ 

ด้าน น.ส.ตรีชฏา กล่าวว่า หลังจากได้ทำแบบคำนวณตามที่นายสมศักดิ์ให้ดำเนินการนั้น ทำให้น้ำหนักตนเองลดลงถึง 4 กิโลกรัม