อธิบดีกรมการแพทย์  เผยในเวทีประชุมเครือข่าย UHosNet ชงผสมผสาน ‘แพทย์แผนตะวันตกร่วมแพทย์แผนไทย’ ลั่นมอบรพ.สังกัดกรมฯ วิจัยชั้นคลินิก หวังออกเป็นเอกสารวิชาการ สร้างความเชื่อมั่นแนวทางรักษาอนาคต พร้อมเปิดข่าวดี “รมว.สธ.”ของบเพิ่มเบิกจ่ายยาสมุนไพร Fee schedule กองทุนบัตรทอง ขึ้นเพดานเป็น 1,500 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน โรงพยาบาลราชวิถี ร่วมกับวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และสถาบันร่วมผลิตแพทย์มหาวิทยาลัยรังสิต กรมการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHosNet) ครั้งที่ 85 Theme : Easy Access and Seamless Health Care for All ที่โรงพยาบาลราชวิถี 

เดินหน้าผสมผสานแพทย์ตะวันตกร่วมแผนไทย

โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังปาฐกถาเรื่อง Western-Oriental Integrated Medicine ว่า  การแพทย์ในปัจจุบันควรผสมผสานการแพทย์แผนตะวันตกและการแพทย์แผนไทย เพราะเรามีภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทย ที่เป็นศาสตร์ของความสำเร็จในอดีต ประวัติศาสตร์นั้นยาวนานกว่า 560 ปี ส่วนแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่กว่า 130 ปี ซึ่งเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เราจะไม่ลืมรากเหง้าที่เป็นภูมิปัญญาของแพทย์แผนตะวันออกหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งทางจีนหรืออินเดียที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ก็ได้รักษาไว้ ให้แพทย์รุ่นหลัง ๆ เรียนผสมผสานทั้งแพทย์แผนตะวันตก และแพทย์แผนดั้งเดิมของประเทศนั้น ๆ 

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้มาให้ข้อมูลกับทีมคณะผู้บริหาร เครือข่ายของยูฮอสเน็ต (UHosNet) เพื่อรับทราบถึงสิ่งเหล่านี้ ในการเดินหน้าต่อไปเพื่อประเทศชาติ ภูมิปัญญาสืบต่อรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ก็ฝากเป็นโจทย์ให้นำสิ่งเหล่านี้ที่ดี ๆ พัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น สิ่งใดที่เป็นความเชื่อก็พิสูจน์ให้ชัดเจน ให้เป็นความจริงให้ได้ พอผ่านรุ่นเราไปก็จะกลายเป็นทรัพย์สมบัติ เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน ลดการนำเข้าของยา สารเคมี หรือหัตถการยาก ๆ ที่ต้องใช้เครื่องมือ ก็เป็นการส่งเสริมป้องกันไม่ให้โรครุนแรงไป

นพ.ทวีศิลป์ เสริมอีกว่า ศาสตร์ทางตะวันออก ก็จะช่วยในการป้องกันได้ในหลายโรค รวมทั้งในการฟื้นฟูโรคที่ป่วยแล้วให้บรรเทาเบาบางลงไป เช่น โรคเรื้อรังอย่างสะเก็ดเงิน อัมพฤกษ์ อัมพาต ก็มีกลไกวิธีการ หรือภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเพื่อจะได้สืบทอดต่อไปให้ดียิ่งขึ้น โดยนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสมุนไพรเป็นอย่างมาก บทบาทของกรมการแพทย์ก็ได้รับมอบหมายให้มาผสมผสานกับศาสตร์ทางตะวันตกให้ได้ ตอนนี้ก็กำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ร่วมกับวิชาชีพต่าง ๆ 

เพิ่มเพดานงบ 1.5 พันล้านบ.จ่ายยาสมุนไพร

"รมว.สธ. ได้ของบประมาณเพิ่มเติมในการเบิกจ่ายยาสมุนไพร Fee schedule ที่อยู่ในกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  (สปสช.) หรือกองทุน 30 บาท สามารถเบิกจ่ายเต็มได้ และขอเพดานขึ้นมาเป็น 1,500 ล้านบาท ตรงนี้เป็นโอกาสที่ดี สมัยก่อนโรงพยาบาลต้องจ่ายยาสมุนไพร แบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตอนนี้ก็ได้เต็ม ก็เป็นการเอื้อต่ออุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทย เป็นการสร้างความเชื่อมั่น” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

ศึกษาวิจัยสมุนไพรชั้นคลินิก  

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  ตนได้ให้โจทย์กับทาง โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ ต้องพัฒนาและต่อยอดขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะการศึกษาวิจัยให้เกิดความน่าเชื่อถือ และศึกษาในชั้นคลินิกเพื่อจะสร้างความมั่นใจในสมุนไพรที่มีอยู่ในภูมิปัญญาเหล่านั้น แทนที่จะเป็นความเชื่อว่ามันดี แต่ต่อไปจะมีเอกสารวิชาการออกมาเลย