ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“คลินิกเวชกรรมอาร์ที” จับมือเมืองพัทยา และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง คิกออฟคัดกรอง ‘มะเร็งปากมดลูก’ กลุ่มคนทำงานกลางคืน หลังพบ คนทำงานกลางคืนเข้าถึงบริการไม่สะดวก-ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ตั้งเป้าตรวจกลุ่มเป้าหมาย 5,000 คน ภายใน 4 เดือน ด้านผู้รับบริการ ระบุ สะดวก-ไม่น่ากลัวเหมือนที่คิด 

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นพ.สุรทิน หอมหวล ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 6 ระยอง และคณะ ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมชม “การให้บริการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test ด้วยตัวเองเชิงรุก” สำหรับกลุ่มคนทำงานกลางคืน ณ บริเวณถนนคนเดิน Walking Street เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และ พญ.รุจิรา เทียบเทียม ผู้บริหารอาร์ทีคลินิกเวชกรรม พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลการดำเนินงาน

พญ.รุจิรา กล่าวว่า กลุ่มคนทำงานกลางคืนมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกค่อนข้างสูง เพราะหากอิงจากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่า อายุเฉลี่ยในการมีเพศสัมพันธ์ลดลงเรื่อยๆ รวมถึงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน มากไปกว่านั้นด้วยการทำงานช่วงกลางคืน ทำให้การเข้ารับบริการในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นเวลาทำการปกติของหน่วยบริการอาจไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ส่งผลให้กลุ่มคนที่ทำงานเหล่านี้อาจจะสูญเสียโอกาสนี้ไป 

อย่างไรก็ตามด้วยคลินิกฯ มีแนวคิดที่จะช่วยให้กลุ่มคนทำงานกลางคืนได้เข้าถึงบริการสาธารณสุข ทั้งเป็นความโชคดีที่ทางเมืองพัทยาและกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงพัทยารวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นชอบร่วมกัน จนเกิดเป็นโครงการคัดกรองเชิงรุกนี้ ทำให้คลินิกฯ ได้มีโอกาสได้เข้ามาดูแลประชากรชาวพัทยาตามที่ได้ตั้งใจไว้ เบื้องต้นโครงการฯ กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย. จนถึงเดือน ธ.ค. 2567 มีเป้าหมายตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกให้หญิงไทย จำนวน 5,000 คน 

“วันนี้เป็นการคิกออฟของโครงการฯ จากเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ จริงๆ อยากให้มากกว่านี้ เพราะเมืองพัทยามีประชากรนับแสนคน ไม่นับรวมประชากรแฝงที่เข้ามาทำงาน ซึ่ง สปสช. ก็ให้สิทธินี้กับหญิงไทยทุกคน โดยไม่จำกัดว่าจะมาจากจังหวัดไหน หรือมีสิทธิการรักษาที่ไหน ถ้าอยู่ที่นี่ก็สามารถใช้สิทธิรับบริการได้” พญ.รุจิรา กล่าว

นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยามีการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น มูลนิธิสวิง โดยการให้ความรู้ และการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มคนทำงานกลางคืนคืนครั้งนี้ ได้ร่วมมือกับกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงพัทยา สปสช. และหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้บริการเชิงรุก ณ บริเวณถนนคนเดิน Walking Street ซึ่งคาดว่ามีกลุ่มนคนทำงานกลางคืนหลักพันคน และส่วนมากจะทำงานในสถานบันเทิง โดยกลุ่มคนเหล่านี้การเข้ารับบริการตรวจคัดกรองสุขภาพในช่วงเวลากลางวันจึงไม่สะดวกและเป็นไปได้ยาก แม้ว่าจะมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวน ดังนั้นการจัดบริการเชิงรุกถึงในพื้นที่จึงเป็นส่วนที่ช่วยให้เกิดการเข้าถึงบริการ

“ต้องขอบคุณ สปสช. ที่ได้พัฒนาสิทธิประโยชน์บริการเพื่อให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างชุดตรวจ HPV DNA Test ทั้งยังมีการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเป๋าตังในการแจ้งผลตรวจ อยากให้ สปสช. ทำรูปแบบนี้ให้ต่อเนื่อง ส่วนโครงการฯ ในวันนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นส่วนที่ช่วยป้องกันโรค ซึ่งที่พัทยาเรามีประชากรแฝงจำนวนมาก ส่วนใหญ่เข้ามาทำงานก็เพื่อชีวิตที่ดีของตัวเองและครอบครัว ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีและแข็งแรง” นายปรเมศวร์ กล่าว

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ในกลุ่มสุภาพสตรีทั่วไปจะเข้ารับบริการได้ตั้งแต่อายุ 30 - 60 ปี แต่กรณีที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะสามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป โดยเป้าหมายของ สปสช. คือการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสุภาพสตรีให้ได้มากที่สุดและนำเข้าสู่การรักษาก่อนโรคลุกลาม ช่วยเพิ่มโอกาสหายขาดให้กับผู้ป่วยได้ สำหรับที่เมืองพัทยานี้ นายกเมืองพัทยาให้ความใส่ใจต่อสุขภาพประชาชน โดยร่วมมือกับคลินิกและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพด้านต่างๆ และบริการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกฯ ที่นี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งหากทำสำเร็จนั่นหมายความว่าจะช่วยลดอัตราความเจ็บป่วยจากโรคมะเร็งปากมดลูกให้กับหญิงไทยในพื้นที่ได้

 
“ระบบของ สปสช. ถ้าเจอแล้วจะรายงานผลผ่านแอปฯ เป๋าตัง มี 2 ทาง ถ้าผลเป็นลบอีก 5 ปีจะแจ้งเตือนในแอปฯ ว่าถึงเวลาตรวจซ้ำ แต่ถ้าเป็นบวกเมื่อเมื่อไหร่ หมอจะตรวจซ้ำเพื่อยื่นยันผล และถ้ายังเป็นผลบวกอีกจะแนะนำให้เข้าสู่การรักษาตามสิทธิประโยชน์กองทุนสุขภาพ ดังนั้นไม่เฉพาะที่นี่ แต่เชิญชวนหญิงไทยให้เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยสิทธิประโยชน์ระบบบัตรทอง เสียเวลาน้อยและโอกาสหายขาดมีมากหากเจอระยะเริ่มต้น ไม่ต้องอาย ตรวจได้ด้วยเอง” ทพ.อรรถพร กล่าว

ขณะที่ตัวแทนผู้เข้ารับบริการ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเข้ารับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาก่อน เนื่องจากกลัวเจ็บ และมีความเขินอายหากแพทย์ที่ตรวจเป็นผู้ชาย แต่เมื่อเข้ามารับบริการแล้วพบว่าไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้ เพราะไม่มีอะไรน่ากลัว ฉะนั้นอยากเชิญชวนให้มาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว ไม่เจ็บ และทุกอย่างพัฒนาไปไกลกว่าที่คิดไว้มาก
 
“อย่างแรกที่ได้คือความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาไปคลินิก เพราะตัวเราทำงานกลางคืน ไม่มีเวลา ถ้าจะไปก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง แต่การมีบริการเชิงรุกแบบนี้ดีต่อทุกคนมาก ที่ผ่านมาคิดว่าการตรวจจะต้องขึ้นขาหยั่ง ใช้ที่คีบ กลัวเจ็บ แต่การมาใช้บริการครั้งนี้เปลี่ยนความคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว” ตัวแทนผู้เข้ารับบริการ ระบุ