สปสช. เปิดให้แสดงความเห็น หลายประเด็นทั้งเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาที่ไหนก็ได้ และ 30 บาทรักษาทุกที่ เผย “ผลสำรวจความคิดเห็นกองทุนบัตรทอง ปี 67” พึงพอใจ 93.13% ขณะที่ สปสช.พร้อมนำข้อมูลไปวิเคราะห์และให้ส่วนที่เกี่ยวข้องนำไปพัฒนาระบบต่อไป  

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11(4)/2567 โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ต่อการดำเนินงานในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2567 เสนอโดย พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผู้แทนทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาและตอบโจทย์ด้านการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขต่อประชาชน ในแต่ละปี สปสช. จะดำเนินการเพื่อสำรวจความคิดเห็นฯ มาอย่างต่อเนื่อง อันนำมาสู่การบริหารจัดการระบบฯ อย่างรอบด้านให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2567 สปสช. ดำเนินการร่วมกับทีมวิจัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในการสำรวจความคิดเห็นฯ ตามระเบียบวิธีวิจัยที่กำหนดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ

 

ทั้งนี้ การสำรวจได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป และมีสิทธิบัตรทองฯ ใน 39 จังหวัด กระจายตามพื้นที่ทั้ง 13 เขตสุขภาพ จำนวน 10,156 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้เป็นเพศหญิงร้อยละ 56.97 และมีอายุเฉลี่ยที่ 51 ปี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 27.65 และมีรายได้เฉลี่ยครัวเรือนที่ จำนวน 13,502 บาทต่อเดือน ซึ่งภาพรวมความพึงพอใจของประชาชนต่อการดำเนินงานฯ ในรอบ 6 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 93.13 

 “ผลสำรวจความคิดเห็นที่ได้นี้ วันนี้บอร์ด สปสช. ได้รับทราบ และจะมอบให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องนำไปวิเคราะห์ในรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อนำไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะในส่วนที่ยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนโยบาย ในการดูแลสิทธิและบริการในระบบบัตรทองให้กับคนไทย” นายสมศักดิ์ กล่าว

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ประเด็นต่างๆ ที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็น มีดังนี้ ช่องทางบริการข้อมูลที่รับรู้และต้องการรับรู้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ช่องทางบริการข้อมูลเฉลี่ย 4 ช่องทาง ศูนย์บริการในหน่วยบริการเป็นช่องทางที่รับรู้มากที่สุดและเคยใช้ อยู่ที่ร้อยละ 27.58 ส่วน TikTok เป็นช่องทางรับรู้ข้อมูลและเคยใช้น้อยที่สุด ร้อยละ 2.58 ซึ่งข้อมูลที่ประชาชนรับรู้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาที่ไหนก็ได้ใกล้บ้าน ร้อยละ 71.31 รองลงมานโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ร้อยละ 69.11 และกรณีจำเป็นเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่น ร้อยละ 63.31  ส่วนที่การรับรู้ที่ยังต่ำกว่าร้อยละ 50 มี 3 อันดับ คือ มีสิทธิรับบริการสาธารณสุขทางไกล ร้อยละ 25.54 มีช่องทางแจ้งเรื่องร้องทุกข์ ร้อยละ 26.75 และสามารถยื่นคำร้องรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ร้อยละ 29.53

 เมื่อสอบถามประเด็นการรับบริการสาธารณสุขในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่าประชาชน ร้อยละ 49.70 เคยรับบริการ โดยรับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มากที่สุด ร้อยละ 33.05 โรงพยาบาลชุมชน ร้อยละ 25.84 และโรงพยาบาลทั่วไป ร้อยละ 23.81 โดยเป็นการรับบริการผู้ป่วยนอก ร้อยละ 76.12 บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ร้อยละ 14.56 และบริการผู้ป่วยใน ร้อยละ 5.27 อย่างไรก็ดีมีประชาชนที่รับบริการโดยไม่ใช้สิทธิ ร้อยละ 1.54 ให้เหตุผลว่าขั้นตอนการใช้สิทธิยุ่งยาก ร้อยละ 31.20 ไม่สะดวกเดินทางไปยังหน่วยบริการที่มีสิทธิ ร้อยละ 17.74 และพฤติกรรมบริการของบุคลากรทางการแพทย์ร้อยละ 17.09   

สำหรับประเด็นค่าใช้จ่ายในการับบริการเมื่อใช้สิทธิพบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.80 ระบุว่าไม่มีค่าใช้จ่าย รองลงมาจ่าย 30 บาท ร้อยละ 16.54 จำไม่ได้ ร้อยละ 4.97 และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ร้อยละ 2.69  ทั้งนี้กรณีถูกเรียกเก็บ อาทิ ค่าเข้ารับบริการ ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าบำรุงโรงพยาบาล ค่าห้องพิเศษ เป็นต้น โดยจำนวนเงินเรียกเก็บ มีตั้งแต่ 30 บาท ถึง 400,000 บาท ซึ่งหน่วยบริการที่เรียกเก็บมีทั้ง รพ.ทั่วไป รพ.ชุมชน รพ.สต./สถานีอนามัย รพ.ศูนย์ รพ.มหาวิทยาลัย รพ.รัฐสังกัดอื่นๆ และหน่วยบริการอื่น เช่น รพ.เฉพาะทาง รพ.เอกชน และคลินิก ส่วนที่เรียกเก็บ 30 บาทนั้น มีทั้ง รพ.ชุมชน รพ.ทั่วไป รพ.สต. และหน่วยบริการรอื่น เช่น รพ.เฉพาะทาง รพ.ในพื้นที่ กทม. รพ.เอกชน ศูนย์แพทย์ชุมชน และคลินิก

เมื่อสอบถามถึงความพึงพอใจของผู้ใช้สิทธิในรอบ 6 เดือน พบว่า คะแนนความพึงพอใจต่อภาพรวมการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 93.13 รองลงมาเป็นบริการกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการที่ร้านยา ร้อยละ 88.9 บริการที่คลินิกเอกชน ร้อยละ 88.88 บริการผู้ป่วยมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ ร้อยละ 88.02 บริการกรณีจำเป็นต้องเข้ารับบริการที่ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิ ร้อยละ 87.39 และบริการสาธารณสุขทางไกล ร้อยละ 85.28