ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ครบรอบ 18 ปี เปิด 6 นวัตกรรมความก้าวหน้า การศึกษาวิจัยในการผลิตสารเภสัชรังสี 6 ชนิดใหม่ล่าสุด ช่วยตรวจวินิจฉัย โรคมะเร็ง โรคทางระบบประสาท โรคหลอดเลือดหัวใจ รักษาโรคที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมเปิดตัว “SPECT/CT” Symbia Pro.Specta รุ่น X3 แห่งแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดเสวนาแถลงข่าวภายใต้ชื่องาน The New Frontier of Nuclear Medicine in Thailand ก้าวล้ำนำอนาคต เปิดมิติใหม่ เวชศาสตร์นิวเคลียร์ โดยนวัตกรรมการผลิตสารเภสัชรังสีจากเครื่องไซโคลตรอน 6 สารใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจทางภาพวินิจฉัยการแพทย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 18 ปี ของการจัดตั้งศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พร้อมเปิดตัวเครื่อง “SPECT/CT” Symbia Pro.Specta รุ่น X3 เทคโนโลยีภาพวินิจฉัยทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์แห่งแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

รอง ศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า ศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ เป็นหนึ่งในศูนย์ความเป็นเลิศของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่บูรณาการนวัตกรรมด้านภาพวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีการตรวจและรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์แบบครบวงจร โดยเป็นศูนย์ที่ก่อตั้งขึ้นในปีพุทธศักราช 2549 จากพระปณิธานและพระวิสัยทัศน์ใน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 

ปัจจุบัน ศูนย์แห่งนี้มีภารกิจด้านการผลิตสารเภสัชรังสีจากเครื่องไซโคลตรอนและเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมเครื่องมือการสร้างภาพวินิจฉัยขั้นสูงทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์อย่างครบวงจร ทั้งเพทสแกนและสเปคซีทีเพื่อให้บริการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็ง โรคทางระบบประสาท และโรคหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงเป็นสถานที่วิจัยทางด้านวิชาการเพื่อหาองค์ความรู้ใหม่ทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ และถ่ายทอดองค์ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 

ด้าน รอง ศ.พญ.ชนิสา โชติพานิช รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ กล่าวถึงพัฒนาการความก้าวหน้าและความสำเร็จในการผลิตสารเภสัชรังสี ว่า บทบาทสำคัญของสารเภสัชรังสีว่าเป็นสารกัมมันตรังสีที่ติดฉลากกับสารเคมีที่มีโครงสร้างและคุณสมบัติที่เหมาะสมในปริมาณเล็กน้อยที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปยังอวัยวะเป้าหมายที่ต้องการ ทำให้สามารถนับวัดรังสีและถ่ายภาพเพื่อการวินิจฉัยโรค หรือใช้ทำลายเนื้อเยื่อเพื่อการรักษาโรคได้อย่างแม่นยำ โดยเทคโนโลยีการสร้างภาพในระดับโมเลกุล (Molecular Imaging) ของเวชศาสตร์นิวเคลียร์หรือการตรวจด้วยเพทสแกน มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น 

ข้อมูลทางด้านชีวโมเลกุลในทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์นั้นมีการผสมผสานกับข้อมูลทางกายวิภาคเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงทางด้านชีวโมเลกุลของโรคที่แม่นยำ ก่อให้เกิดการวางแผนรักษาเฉพาะรายที่ได้ผลประโยชน์สูงสุด สารเภสัชรังสีถูกผลิตขึ้นจากเครื่องไซโคลตรอน ซึ่งจัดเป็นเครื่องกำเนิดรังสี ที่เป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่ใช้สำหรับการผลิตไอโซโทปรังสี โดยการเปลี่ยนธาตุที่เสถียรไปเป็นธาตุที่เป็นไอโซโทปรังสีสำหรับการใช้ในทางการแพทย์ 

เมื่อได้ปริมาณความแรงรังสีตามที่ต้องการใช้ในการผลิตสารเภสัชรังสีแล้ว ก็จะถูกนำส่งไปยังเครื่องสังเคราะห์สารเภสัชรังสีแบบอัตโนมัติ เพื่อทำการติดฉลากไอโซโทปรังสีเข้ากับตัวยาที่มีความจำเพาะกับรอยโรคต่าง ๆ ด้วยปฏิกิริยาทางเคมี เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการติดฉลากไอโซโทปรังสีจะเข้าสู่กระบวนการทำให้บริสุทธิ์ และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้เป็นยาฉีดโดยเข้าสู่กระบวนการควบคุมคุณภาพเพื่อตรวจสอบว่าสารเภสัชรังสีที่ผลิตได้คุณภาพตามเภสัชตำรับและปลอดภัย

ทั้งนี้ ศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ ได้ติดตั้งเครื่องไซโคลตรอน จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งมีกำลังการผลิตสารเภสัชรังสีที่สูงและมีกำลังการผลิตไอโซโทปรังสีชนิดใหม่ได้หลากหลายชนิดทำให้มีประโยชน์ในการใช้ค้นคว้าพัฒนาสารเภสัชรังสีชนิดใหม่ที่มีความเฉพาะเจาะจงต่อโรคเพิ่มมากขึ้น มีความสำคัญต่อการช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ สามารถช่วยวางแผนการรักษา รวมทั้งการติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถผลิตสารเภสัชรังสีเพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้มากกว่า 25 ชนิด

เปิดอีก 6 นวัตกรรมความก้าวหน้าและถอดรหัสความสำเร็จของการศึกษาวิจัยในการผลิตสารเภสัชรังสี 6 ชนิดใหม่ 

1) 18F-Fluorocholine สารเภสัชรังสีสำหรับการตรวจวินิจฉัยการทำงานของต่อมพาราไทรอยด์ แสดงประสิทธิภาพสูงในการตรวจหาต่อมพาราไทรอยด์ที่ทำงานผิดปกติ 

2) 15O-Radiowater perfusion การใช้น้ำรังสีเพื่อประเมินการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อหัวใจ และในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต

3) 15O-gas การใช้แก๊สรังสีเพื่อตรวจประเมินภาวะหลอดเลือดสมองตีบ โดยวิธีการไม่ใช้ตัวอย่างเลือดในเครื่อง PET/MRIครั้งแรกในโลก 

4) 68Ga-ABY-025 สารเภสัชรังสีสำหรับการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิดตัวรับ HER2 

5) 18F-SMBT-1 สารเภสัชรังสีสำหรับการตรวจวินิจฉัยภาวะระบบประสาทอักเสบ โรคพาร์กินสัน (Parkinson disease) 

6) 68Ga-Pentixafor สารเภสัชรังสีสำหรับการตรวจวินิจฉัยตัวรับ CXCR-4 การผลิตและศึกษาสารเภสัชรังสีชนิดใหม่ 68Ga-Pentixafor เป็นการตรวจวินิจฉัยทางนิวเคลียร์ที่มีความสำคัญในการประเมินผู้ป่วย 2 กลุ่มโรค 1) ภาวะ hyperaldosteronism คือภาวะที่ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมน aldosterone มากเกินไป ทำให้ความดันโลหิตสูงและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและไตวาย 2)มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดมาร์จินัลโซน (MZL) และแมนเทิลเซลล์ (MCL) ซึ่งเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กินที่พบได้ไม่บ่อยในประเทศไทย