ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สวีเดนพบผู้ป่วยโรคฝีดาษาวานร หลังองค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ด้านกรมควบคุมโรคจับตาใกล้ชิด วาง 6 มาตรการสกัด เพิ่มคัดกรองคนมาจากพื้นที่ระบาด ต้องลงทะเบียน ติดตามตัวได้เมื่ออยู่ไทย  ออกแนวปฏิบัติ 4 ภาษา  

 

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม  นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีองค์การอนามัยโลก ประกาศยกระดับโรคฝีดาษวานร ให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังแอฟริกามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดีอาร์ คองโก  ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อย เคลด 1 บี (Clade 1b) ล่าสุดประเทศสวีเดนได้แถลงพบผู้ป่วยฝีดาษวานรสายพันธุ์ย่อย เคลด 1 บี ว่า ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก จนเกินไปเพราะประเทศไทยมีมาตรการควบคุมอยู่แล้ว ทุกด่านเข้าประเทศ

ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่าประเทศสวีเดนพบผู้ป่วยสายพันธุ์ดังกล่าว ก็จะมอบหมายให้ทีมกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค ติดตามข้อมูล ส่วนจะเพิ่มการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสวีเดนหรือประเทศแถบยุโรปนั้นคงต้องขอดูข้อมูลก่อน ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้มีการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคฝีดาษวานร” อย่างใกล้ชิด

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้มีมาตรการควบคุมป้องกันโรคฝีดาษวานร อยู่แล้ว ล่าสุดได้มอบหมายกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เพิ่มมาตรการและเข้มงวดการตรวจคัดกรองสุขภาพสำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาด ได้แก่

1. ตรวจสอบการลงทะเบียน Health Declaration เพื่อการควบคุมโรค ซึ่งต้องมีที่อยู่ การเดินทางและสถานที่ติดต่อระหว่างอยู่ในประเทศไทย 2.ประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง (Health Beware Monitor) 4 ภาษา ได้แก่ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน บริเวณด่านคัดกรอง รวมทั้ง QR code สำหรับการรายงานอาการเจ็บป่วยของตนเอง

3.วัดอุณหภูมิร่างกาย  4.หากพบผู้เดินทางมีผื่น หรืออาการเข้าได้กับ โรคฝีดาษวานร จะทำการแยกไว้ในห้องแยกโรคทันที และเก็บตัวอย่างจากผื่น และจากคอหอย ส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ด้วยวิธี RT-PCR ณ ห้องปฏิบัติการของด่านควบคุมโรคฯ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสามารถรอผลตรวจในห้องแยก 70 นาที 5. หากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบ เป็นโรคฝีดาษวานร จะส่งรับการรักษา ณ สถาบันบำราศนราดูร และ6.กรณีพบผู้เดินทางมีผื่น ชัดเจนที่ด่าน หรือสนามบิน ให้พามาตรวจสอบอาการที่ ด่านควบคุมโรคติดต่อฯ ได้ทันที

ด้านนพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อฝีดาษวานร ในประเทศไทยด้วยการสุ่มตรวจมาโดยตลอด ยังไม่พบสายพันธุ์เคลด 1 บี ที่มีการระบาดอยู่ในทวีปแอฟริกา สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศแถบแอฟริกา ควรต้องติดตามว่าประเทศเหล่านั้นมีการระบาดหรือไม่ และควรระมัดระวังการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคล หมั่นสังเกตอาการตนเอง ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง หรือเริ่มสังเกตเห็นมีผื่นขึ้นตาม ร่างกายเป็นตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนอง ควรไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยรักษาตั้งแต่ต้น

สำหรับการป้องกัน ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด หรือคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดบุคคล และขอให้มีการทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสร่วมสม่ำเสมอ 2. หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น 3.หากผู้ที่มีอาการสงสัย สามารถขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง หากมีข้อสงสัย ให้ติดต่อสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีการประชุมเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีมติ เกี่ยวกับการควบคุมเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร  โดย 1.ให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพิ่มการเฝ้าระวังผู้ที่อาจป่วยด้วยโรคฝีดาษวานร โดยใช้แนวทางเฝ้าระวัง แนวทางการวินิจฉัย และแนวทางการรักษาตามมาตรการ ในการดูแลโรคฝีดาษวานร 2. ให้ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ คัดกรองโรคฝีดาษวานรในผู้เดินทางที่มีความเสี่ยงที่มาจากประเทศในทวีปแอฟริกา ณ จุดคัดกรองโรค ทุกช่องทางทั้ง บก เรือ และอากาศ ก่อนจะเข้าประเทศ

3.เตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการในการตรวจวินิจฉัยโรคฝีดาษวานร ทั้งห้องปฏิบัติการสังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และหน่วยงานในสำนักงานกระทรวงสาธารณสุข 4.จัดเตรียมเวชภัณฑ์ในการรักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรอย่างเพียงพอ และ 5.จัดเตรียมทีมเฝ้าระวังสอบสวนและการจัดการพื้นที่ ในกรณีเกิดการระบาดของโรคฝีดาษวานร