ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ห่วง! นักเที่ยวกลางคืนฮิต ยาอีโฉมใหม่รูปอาร์ตทอย ชี้ผลเสียทำลายระบบภูมิคุ้มกัน-ระบบประสาท ช่วงแรกผู้เสพอารมณ์ดี แต่สักพักจะเศร้าหมอง หดหู่ มีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง    

จากกรณีข่าวการตรวจยึดยาอีรูปแบบใหม่ลักษณะเป็นเม็ดรูปอาร์ตทอย ในสถานบันเทิง พื้นที่ภาคเหนือ ซึ่ง ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดตัวเดียวกัน มีทั้งแบบแคปซูลและเม็ดยาสีต่าง ๆ แพร่ระบาดในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ยาอีเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายจะออกฤทธิ์ภายใน 45 นาที และฤทธิ์ของยาจะอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6-8 ชั่วโมง โดยจะออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นจะหลอนประสาทอย่างรุนแรง ผู้เสพจะรู้สึกร้อน เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง การได้ยินเสียง และการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลิบเคลิ้ม รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อาจเป็นสาเหตุของการถูกคุกคามทางเพศ 

นอกจากนี้ ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้ผู้เสพมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งนี้ หากมีการเสพพร้อมกับยาเสพติดชนิดอื่นๆ และร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์จะยิ่งเสริมฤทธิ์ อาจทำให้กดการหายใจระบบหัวใจล้มเหลวและถึงขั้นเสียชีวิตได้

ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) เพิ่มเติมว่า ยาอีนอกจากจะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแล้ว ยังเข้าไปทำลายระบบประสาททำให้เซลล์สมองส่วนที่ทำหน้าที่หลั่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการควบคุมอารมณ์ทำงานผิดปกติ โดยจะหลั่งสารนี้ออกมามากกว่าปกติทำให้สดชื่น อารมณ์ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้เสพจะเข้าสู่สภาวะของอารมณ์ที่เศร้าหมอง หดหู่ มีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ 

ทั้งนี้ เตือนกลุ่มวัยรุ่นและนักเที่ยวในสถานบันเทิง ที่นิยมใช้สารเสพติดเพื่อต้องการให้เกิดอาการมึนเมาและสนุกสนานมากขึ้น ให้ตระหนักถึงอันตรายที่จะตามมา ร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้ ขอฝากถึงกลุ่มผู้ปกครองควรหมั่นติดตามข่าวสารต่าง ๆ ช่วยกันสอดส่องและแจ้งเบาะแส สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานหรือคนในครอบครัว หากพบมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือพบสิ่งของที่เข้าข่ายต้องสงสัย ต้องรีบเข้าไปพูดคุยด้วยเหตุผลไม่ใช้ความรุนแรง บอกกล่าวถึงผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงอันตรายที่จะตามมา 

อย่างไรก็ตาม สามารถขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติด ได้ที่สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษาได้ที่ สบยช. กรมการแพทย์ จ.ปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง