ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" เผย อนุทินเปิดใจ สาเหตุภูมิใจไทยกลับมาสู้เรื่องกัญชา พร้อมโพสต์ภาพถ่ายการเจรจา

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ผ่าน เพจเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า 

อนุทินเปิดใจ ภูมิใจไทยกลับมาสู้เรื่องกัญชาไม่ใช่เพื่อผู้ประกอบการ แต่เพราะยังมีประชาชนยืนหยัดสู้อยู่

เรื่องราวต่อไปนี้ ลังเลอยู่นานว่าควรจะโพสต์หรือไม่ แต่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์เรื่องของกัญชา และเป็นการบอกเล่าว่าผมไม่ได้เป็นตัวแทนหรือเครื่องมือของกลุ่มทุนใด จึงไม่มีความลับในการเจรจา จึงเห็นว่าควรบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนี้

เมื่อวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 ผมได้รับการประสานจากคุณทอม เครือโสภณ ระบุว่าได้นัดหมายกับคุณอนุทินไว้ และอยากให้ อ.ปานเทพ เข้าไปร่วม เพราะจะหารือกันกลุ่มเล็กๆ เกี่ยวกับแนวทางเรื่องกฎหมายกัญชา กัญชง ในสายๆ วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 

ในตอนนั้นผมแจ้งไปว่าผมไม่สะดวก เพราะงานเยอะอยู่แล้ว ขอเพียงเดินหน้าเรื่องพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชงไปโดยไม่ต้องมีผมไปพูดคุยก็ได้  

แต่คุณทอมก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพื่อประโยชน์ของประเทศ เพราะตอนนี้เรื่องกฎหมายขาดเจ้าภาพ กระทรวงสาธารณสุขปล่อยมือ กระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีก็บัญชาการแต่ไม่มีใครดำเนินการใดๆ ดังนั้นขอเวลาผมเพียงไม่เกินครึ่งชั่วโมงเท่านั้น โดยขอนัดหมายในเวลา 11.00 น. และต่อมาขอเลื่อนเป็นเวลาประมาณ 15.30 น.

แต่สำหรับผมแล้วในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้ถูกเชิญเข้าเจรจาถกเถียงรวมถึงต่อรองกับฝ่ายการเมืองและส่วนข้าราชการหลายครั้ง อีกทั้งยังมีการยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีและแถลงข่าวรวมแล้วก็หลายหน หากเห็นว่าการเจรจาของผมจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ  ผมก็ไม่เกี่ยงที่จะพูดคุยกับทุกคนที่ต้องการจะพูดคุยที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงได้ตอบรับนัดไป

พอไปถึงเวลานัดหมายที่ห้องรับรอง กระทรวงมหาดไทย ก็ปรากฎว่าไม่ใช่ทีมเทคนิคกฎหมายชุดเล็กเสียแล้ว เพราะคุณทอมได้นัดนักธุรกิจเข้ามาเป็นจำนวนมาก มีทั้งกลุ่มทุนผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายกลุ่ม โดยมีนักธุรกิจบางคนที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนบอกว่าที่มาเพราะเห็นว่าผมจะมาก็เลยตามมาด้วย โดยคุณทอมมีการพูดต่อผู้ประกอบการว่ามาเพื่อเป็นกำลังใจให้คุณอนุทินกัน

แม้ผมจะเห็นว่าการนัดหมายครั้งนี้สิ่งแวดล้อมของการพูดคุยไม่ได้เหมือนกับที่บอกผมเอาไว้ เพราะกลายเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่หลายกลุ่ม  

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมจะพูดกับคุณอนุทิน ชาญวีรกุล นั้นก็ยังคงเหมือนเดิม และเห็นว่าผู้ประกอบการก็เป็นส่วนหนึ่งของนิเวศธุรกิจกัญชาอยู่แล้ว ต่อให้มีคนฟังมีลักษณะอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ผมก็พูดคุยและมีจุดยืนเหมือนเดิมอยู่ดี

เมื่อคุณอนุทิน ชาญวีรกุลมาถึง ผมก็ได้แจ้งว่าปัจจุบันมีกฎหมายที่ “รอการรับรอง” จากท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ที่สำนักงานของนายกรัฐมนตรี 3 ฉบับ 

ฉบับแรก คือการเข้าชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย เพื่อเสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง ที่คัดลอกมากจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯในสมัยสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนหน้า 

ฉบับที่สอง คือการเข้าชื่อของประชาชนในนามเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ซึ่งได้เข้าชื่อประชาชนครบจำนวนเสนอกฎหมายกัญชา กัญชงต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

ฉบับที่สาม คือการเข้าชื่อของประชาชนในนามเครือข่ายกัญชา กัญชง ม่าง (ภาคประชาชน) ซึ่งได้เข้าชื่อประชาชนครบจำนวนเสนอกฎหมายกัญชา กัญชง ม่างต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

เนื่องด้วยกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ เป็นกฎหมายทางการเงิน จึงต้องได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน หลังจากนั้นจึงสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป จึงขอให้ท่านแจ้งต่อท่านนายกรัฐมนตรี เร่งรัดกระบวนการในสำนักงานเพื่อให้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับ เดินหน้าต่อไปในกระบวนการสภาผู้แทนราษฎร ส่วนจะมีใครเสนอกฎหมายอื่นก็ให้พิจารณาในกระบวนการเดียวกัน 

คุณอนุทิน ชาญวีรกุล เมื่อรับทราบคำชี้แจงจากผมแล้ว จึงเริ่มพูดโดยมีเนื้อหาว่า 

เรื่องที่อาจารย์ปานเทพ นำเสนอมาผมจะรับดำเนินการตามเรื่องให้ แต่…

วันนี้พวกท่านผู้ประกอบการมาทำไมกันวันนี้ มาเพราะอะไร เพราะต้องการมาให้กำลังใจผมหรือครับ 

ผมจะขอบอกตรงนี้ให้เข้าใจตรงกันว่า ผมและพรรคภูมิใจไทยกลับมาสู้เรื่องกัญชาในวันนี้ไม่ได้สู้เพื่อพวกท่านที่เป็นผู้ประกอบการเลย โปรดรู้ไว้ด้วย

พวกผมไม่ได้คะแนนหลักมาจากกลุ่มคนกัญชา ผมไม่ได้ลงทุนในธุรกิจกัญชา ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย ได้ปลดล็อกกัญชาตามสัญญาแล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง 

เมื่อพรรคภูมิใจไทยไม่ได้คุมกระทรวงสาธารณสุขหากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดพวกผมก็จะทำหน้าที่โหวตไม่เห็นด้วย ซึ่งผมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว ซึ่งความจริงผมสู้แค่นี้ก็ได้ 

แต่พวกผมกลับมาสู้รอบนี้เพราะเห็นว่าอาจารย์ปานเทพเขายังสู้อยู่ ผมเลยต้องกลับมาสู้ด้วย ผมไม่ได้มาสู้เพื่อพวกท่านเลย 

ผมถามว่าวันที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดลงมติให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ผมเห็นอาจารย์ปานเทพยังสู้อยู่ แต่วันนั้นพวกท่าน (ผู้ประกอบการ) หายไปไหนกันหมด ทั้งๆ ที่พวกท่านเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เป็นเงินลงทุนของพวกท่านเองแท้ๆ

ผมถามว่าวันที่มีประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาเสียสละประท้วงอดอาหารที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ทั้งๆที่เป็นผู้ใช้กัญชา พวกท่านเป็นผู้ลงทุนกัญชาอยู่ที่ไหนกันหมด ผมไม่เห็นพวกท่านเลย

แต่วันนี้กลับจะมาโผล่ให้กำลังใจผม ในวันที่ผมได้ชัยชนะทางการเมืองในเรื่องกัญชาเรียบร้อยแล้ว ผมกลับไม่ได้รู้สึกยินดีหรือสบายใจเลย 

และอีกส่วนที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและใช้ไม่ได้ คือคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่พาผมไปดูคลินิกกัญชา บอกกับผมว่ากัญชาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ 

แต่วันนี้กลับลำลงมติให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพียงเพื่อหวังตำแหน่งได้อย่างไร ผมได้เขียนในไลน์กลุ่มต่อว่าคนเหล่านี้ บางคนเสียดายเป็นเพื่อนกันมา 20 กว่าปีผมก็ยังต้องลบออกจากไลน์ด้วยซ้ำ

แล้วพวกท่านทำอะไรหรือจะทำอะไรกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดกับการลงมติที่ใช้ข้อมูลไม่ถูกต้องบ้าง (ยกเว้นคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสียงข้างน้อย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับ พ.ต.อ.ประเวศ มูลประมุข)

ทุกท่านจึงควรจะทำหน้าที่ของตัวเอง ปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง และรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

หลังจากนั้นก็มาร่วมกันถ่ายภาพตามที่ปรากฏ