ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ. พร้อมดึง “กัญชา” กลับเป็นยาเสพติด ชงบอร์ด ป.ป.ส. คาดพิจารณาสิ้นเดือนนี้ หากผ่านต้องทำกฎหมายรอง และประกาศเกี่ยวข้องอีก 4 ฉบับ ทั้งการอนุญาต การปลูก และนำเข้าครม.  ย้ำ! ไม่เกี่ยวข้องนายทุน ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นปัญหา ต้องมีประกาศควบคุม ส่วนอนาคตจะทำเป็น พ.ร.บ.ฯ ก็ทำได้ หากสงสัยประเด็นอะไรสอบถาม อย.  ยืนยัน ไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคภูมิใจไทย

 

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เห็นชอบ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 นำ “กัญชากัญชง” กลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ตอนนี้ผ่านเรื่องแล้ว และต้องเอาเข้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งต้องส่งเรื่องให้พิจารณก่อนการประกาศสารหรือพืชชนิดใดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จะเป็นผู้ประกาศเอง แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ป.ป.ส. ก่อน

“คาดว่าบอร์ด ป.ป.ส.จะประชุมกันสิ้นเดือนนี้ หากเห็นว่าเป็นยาเสพติด ต้องทำกฎหมายรอง กฎกระทรวง และประกาศอีก 4 ฉบับ ที่รวมถึงการปลูก โดยต้องนำเข้า ครม. แต่การประกาศเป็นยาเสพติดประเภท 5 ไม่ต้องเข้า ครม. เพราะเรื่องยาเสพติดมีอันตราย มีความเกี่ยวข้องกับผู้คน กฎหมายจึงเขียนให้รัฐมนตรีกระทำโดยเร็ว” นายสมศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 เป็นระยะเวลา 2 ปีกว่าแล้ว ถือเป็นกฎหมายหลัก และต้องมีกฎหมายลูกตามมาซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 2 ปี วันนี้น่าจะสมบูรณ์แต่เนื่องจากว่าเราออกกฏหมายรองไม่เสร็จ เพราะการเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้นกฎหมายไม่ผ่านจึงจบไม่ทันเวลาและสามารถต่อได้อีก 1 ปี โดยจะครบกำหนดวันที่ 9  ธ.ค. 2567 นี้ คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักเกณฑ์การทำร่างกฎหมาย และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายปี 2562

กัญชายังเป็นปัญหา ต้องควบคุม

“ เมื่อทำไม่ทันแล้ว จึงต้องรีบออกประกาศมายับยั้ง คิดว่าถ้าเราเห็นว่ากัญชามีปัญหา เพราะยังไม่มีผลดี 100% อย่างข้อมูลทั้งเครือข่ายเยาวชน และจากการแสดงความคิดเห็นกว่า 80% ควรกลับเป็นยาเสพติด ซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นว่ายังเป็นปัญหา ยังน่ากลัว จึงใช้แนวทางในการออกประกาศว่าเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 เพื่อให้ทันเวลาในกรอบระยะเวลา 2 ปี ตามเงื่อนไขกฎหมาย โดยหากจะออกเป็นกฎหมายก็ไม่สามารถทำทัน      เพราะการออกกฏหมายแต่ละฉบับใช้เวลา 2 ปี ย้ำว่า แก่นของปัญหาคือพี่น้องประชาชนที่บริโภคกัญชาเหล่านี้ มีไอคิวลดลง คนส่วนใหญ่ยังกลัวอยู่” นายสมศักดิ์ กล่าว

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สมศักดิ์ เตรียมสรุปทุกประเด็น “กัญชา” กลับเป็นยาเสพติด  9 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล)

ยันไม่มีปัญหาพรรคภูมิใจไทย

รมว.สาธารณสุข ย้ำว่า ไม่ได้ปิดกั้นเป็นยาเสพติดตลอดไป ถ้าในโอกาสหน้า รัฐบาลหน้า หรือการออกกฏหมาย ไม่ใช่เฉพาะกฎหมายของรัฐบาล ส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร พี่น้องประชาชนทุกคน เป็นหมื่นคนก็ลงรายชื่อ เพื่อเสนอเป็นกฎหมายได้ และ สส. ในสภาผู้แทนราษฎร สามารถเสนอกฎหมายได้เป็นกฎหมายในนามของพรรคการเมือง ก็สามารถเสนอได้ แต่ในส่วนของรัฐบาลเรามองเห็นว่าผลเสียมากกว่าผลดี

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ที่มีการสั่งมา แต่เอื้อประชาชนโดยรวม กลุ่มผู้ชุมนุมวันนี้ ตนเองเคยเจอมาแล้ว และต้องการนันทนาการ สันทนาการ สำหรับคนป่วยที่ต้องการใช้กัญชา ต้องให้เข้าถึงได้ ไม่ยุ่งยาก แต่วิธีการขึ้นอยู่กับผู้ที่เขียน

“ขอยืนยันเรื่องนี้ไม่มีปัญหาพรรคร่วม  หรือพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เพราะเข้าใจเงื่อนไขของเวลา ผมไม่ได้ขัดแย้ง ผมเอาใจช่วยมาแต่แรกแล้ว แต่ไปแล้วไม่ผ่าน ก็ไม่ใช่ความผิด จึงต้องรับผิดชอบต่อสังคม” นายสมศักดิ์กล่าว และว่า  ทั้งนี้ หากนำกัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด จะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ และผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวจากคดีที่ครอบครองกัญชา เนื่องจากมีกฎหมายในการคุ้มครองผู้ประกอบการเพียงแค่ยื่นเจตจำนงไว้ ก็ถือว่ามีใบอนุญาต

เตรียมออกกฎกระทรวง-ประกาศ สอบถามได้ที่ อย.และกรมการแพทย์แผนไทยฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ชุมนุมเครือข่ายกัญชายืนยันปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะได้ความชัดเจน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เขาต้องการใช้ในด้านนันทนาการ เราได้เรียนไปตามข้อเท็จจริงแล้ว และได้ให้แนวทางของแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก ก็มีอำนาจหน้าที่ในสิ่งต่าง ๆ ที่เรากำลังเขียนแนวทางขึ้นมา ซึ่งให้รอการพิจารณาจากคณะกรรมการ ป.ป.ส. อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยให้สอบถามได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  (อย.) และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

(ข่าวเกี่ยวข้อง: เครือข่ายกัญชา ปักหลักหน้าทำเนียบฯค้านกลับเป็นยาเสพติด ให้คุมด้วย พรบ.)