เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ปมสถานะ “กัญชา” ลั่น! ไม่ยอมรับผลสำรวจ 80% หนุนกลับเป็นยาเสพติด ไม่มั่นใจกระบวนการ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดยน.ส.ช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา โฆษกเครือข่ายฯ พร้อมตัวแทน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธาน ขอให้พิจารณาสถานะกัญชาด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์ โดยมีนางสุดชีวัน เพ็งทอง นิติกรชำนาญการพิเศษ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักมาตรฐานวินัยและระบบคุณธรรม สธ. รับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ.ติดภารกิจและมอบให้ นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองปลัดสธ. รับหนังสือ แต่นพ.ภาณุมาศ ติดประชุมจะลงมารับได้ประมาณช่วง 14.00 น. ทางเครือข่ายฯ จึงขอยื่นหนังสือให้ผู้แทน โดยไม่รอรองปลัดมารับเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ น.ส.ช่อขวัญ อ่านแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน ใจความว่า ตามที่มีมติให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดนั้น ขอเรียนมายังกรรมการทุกท่าน เพื่อเตือนมโนธรรมของพวกท่านว่า “เมื่อวานพวกท่านพึ่งปลดกัญชาออกมา วันนี้จะกลับเข้าคุก”

1.พวกท่านลืมเลือนไปแล้วหรือไม่ว่า ตอนสมัยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรมว.สาธารณสุข พวกท่านยิ้มรับกัญชาอย่างไร เปลี่ยนนายใหม่ได้ไม่กี่วันเปลี่ยนแปลง  พวกเราจึงจะติดตามกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดในวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ว่าจะเป็นอย่างไร

2.พวกท่านไม่เคยปลูก ไม่เคยใช้กัญชา แต่กลับรังเกียจจากปากคำคนอื่น ตัดสินกัญชาจากงานวิจัยไม่จริง ปล่อยข้อมูลเท็จ สามารถตอบสังคมว่าตัวเองมีความเป็นธรรมจริงหรือไม่ หรืออคติส่วนตัว

3.ทำไมจึงไม่กล้าเข้าสู่กระบวนการวินัยร่วม เพื่อใช้ข้อเท็จริงในการกำหนดสถานะกัญชา ทางเครือข่ายเสนอกับรัฐมนนตรีและปลัดกระทรวงฯ อย่างน้อย 2 รอบ แต่กลับปฏิเสธกระบวนการที่ถูกต้องในการกำหนดนโยบาย

ยื่นหนังสือบอร์ดยาเสพติด ก่อนประชุม 5 ก.ค.

น.ส.ช่อขวัญ วันนี้มายื่นหนังสือให้ทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด เพื่อให้หันมามองว่า กัญชา ควรอยู่สถานะไหน และควรกลับเป็นยาเสพติด หรือควรใช้พ.ร.บ.ฯ ทางเครือข่ายฯ มองว่าผลวิจัยที่ออกมาถึงผลร้ายของกัญชา ดูจะเป็นการสนับสนุนแต่ให้กลับเป็นยาเสพติดอย่างเดียว  ซึ่งไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายที่ใช้ประโยชน์กัญชาในการบำบัดรักษา อย่างไรก็ตาม ทางเครือข่ายฯ ยืนยันให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกัน เพื่อมาดูชุดข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงว่า จะจัดการอย่างไร จริงๆ ไม่ได้อยากมาเรียกร้องกระทรวงสาธารณสุข อยากหารือกับนายกรัฐมนตรี มากกว่า เพราะตามมาหลายรอบ แต่ไม่เป็นผลคืบหน้าอะไร มีแต่จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด จะจับพวกตนเข้าคุกเท่านั้น

 

ไม่เชื่อมั่นผลสำรวจ 80% หนุนกัญชา กลับเป็นยาเสพติด

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเครือข่ายฯไม่ยอมรับผลการรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศกระทรวงฯ ให้ “กัญชา” กลับเป็นยาเสพติดที่กว่า 80%  เห็นด้วยกับนโยบายนี้  ว่า  ใช่ การที่รัฐไม่ให้ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างเพียงพอในการตัดสินใจ ก่อนจะทำประชาพิจารณ์ กลายเป็นเข้าทาง เพราะไม่มีบอกว่า กัญชาดีหรือไม่ดี สามารถทำทางไหนได้บ้าง ประชาชนเห็นแก่ข่าวประโคมว่า ใช้กัญชาจนเกิดผลกระทบ ประชาชนจะคิดอย่างไรได้

“การเปิดให้แสดงความคิดเห็นก็แค่ผ่านเว็บไซต์ รัฐบาลเองก็ไม่ได้โปรโมท พวกเราแค่ประชาชนธรรมดา เราไม่ใช่รัฐบาลที่มีช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนภาพกว้าง ก็กลายเป็นเราเหมือนเสียงกลุ่มน้อย แต่อย่าลืมว่า ประโยชน์กัญชาใช้ทางการแพทย์ได้ แต่หากเอากลับเป็นยาเสพติดจะเข้าถึงได้จริงหรือ” น.ส.ช่อขวัญกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรเมื่อเราออกมาคัดค้านสวนทางการรับฟังความคิดเห็น อาจถูกมองว่า เป็นเด็กดื้อ น.ส.ช่อขวัญ กล่าวว่า ไม่มอง เพราะบางครั้งการเปลี่ยนแปลงต้องมีการดิ้น ดื้อรั้นกันบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อประโยชน์ตัวเองเสมอไป

“ ไม่ได้คาดหวังว่า ผลการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จะเปลี่ยนไปจากเดิม แต่เราก็ต้องเคลื่อนไหว ทำอะไรได้ก็ต้องทำ อย่างวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ พวกเราก็จะมีการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล  จริงๆ ไม่เข้าใจว่า แค่ทำเรื่องร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่มีอยู่ในสภาฯ ขณะนี้ก็จบแล้ว แต่กลับบอกว่า พ.ร.บ.ต้องใช้เวลานาน แต่การออกประกาศ การทำขั้นตอนให้กัญชา เป็นยาเสพติดก็มีผลเดือนมกราคม 2568 ก็นานเหมือนกัน นี่คืออะไร” น.ส.ช่อขวัญกล่าว

ถามกรณีรัฐบาลยืนยันให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ โฆษกเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์ ต้องถามว่าก่อนหน้านี้ใช้รักษาก็ถูกจับเลย อย่างของรัฐเคยสกัดน้ำมันก็ไม่ใช่ดีอีก จริงๆ หากสามารถทำเองปลูกเอง เอามาบำบัดรักษาก็ใช้ได้แล้ว เป็นทางเลือกของพวก แต่เอากลับไปเป็นยาเสพติดจะรู้ได้ยังไงว่าใช้ได้ มีข้อจำกัด พวกตนไม่ได้ต้องการอะไร

เมื่อถามว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมรับร่างประกาศ “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด มองว่าเนื้อหามีช่องโหว่อะไร หรือเอื้อนายทุนหรือไม่ ได้มีการเสนอข้อทักท่วงมายังกระทรวงฯ หรือไม่อย่างไร น.ส.ช่อขวัญ กล่าวว่า  เอื้อนายทุนอยู่แล้ว จะมีใครที่ไหนที่เป็นชาวบ้าน จะไปขอใบอนุญาตเปิดคลินิก เปิดสถานพยาบาลที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ นี่ก็วนกลับไปจุดเดิมๆ