ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“สมศักดิ์” สวนกลับไม่เคยชักเข้าออกปม “กัญชา” ย้ำยังหนุนการแพทย์ สุขภาพ เศรษฐกิจ เผยไม่กดดันแม้กลุ่มหนุนปลดล็อกกัญชาจ่อปักหลักทำเนียบ 9 มิ.ย. ส่วนข้อเสนอตั้งคกก.ร่วม ให้มาพูดคุยกัน ด้านเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชา ออกแถลงการณ์ 3 ข้อ ระดมพลรวมตัวทำเนียบรัฐบาล

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เรื่องการผลักดันกฎหมายเพื่อนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 โดยทางกลุ่มเครือข่ายสนับสนุนการปลดล็อกกัญชา ระบุว่าการที่ รมว.สธ. เปิดเวทีให้กลุ่มสนับสนุนนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่กลับไม่เปิดเวทีให้กลุ่มสนับสนุนปลดล็อกกัญชา ซึ่งเป็นความไม่ยุติธรรม ว่า “เขาก็ว่ากันไป แต่จริงๆ เขาก็รู้ว่าผมยุติธรรมมาก เพราะอยู่กระทรวงยุติธรรมมาแล้ว”

ย้ำตลอดกัญชา ยังใช้ทางการแพทย์ สุขภาพ เศรษฐกิจ

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อเช้าก็มีกลุ่มเครือข่ายเยาวชน ไม่นะกัญชาและยาเสพติด หรือ YNAC มาเข้าพบ ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนปลดล็อกกัญชายังไม่มีใครติดต่อมา ส่วนเรื่องไทม์ไลน์เรื่องกัญชาอยู่ที่สถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งจะต้องมีข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย แม้ใจตนอยากให้ทำไปเร็วๆ แต่ก็ไม่ได้เพราะต้องรับฟังทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะแล้วตนไม่ค่อยเป็นห่วง ที่น่ากังวลคือ กัญชามีผลกระทบต่อระบบสมองของเด็กๆ ถ้าเสพกัญชาก็จะทำให้ไอคิวลด สมองเสียแล้วในทางการแพทย์ก็บอกว่าจะเอาคืนไม่ได้ ดังนั้นถ้าเอาคืนไม่ได้ก็อย่าเข้าไปยุ่งเลย

เมื่อถามว่าภาคอุตสาหกรรมกัญชา กัญชงระบุว่าจะเกิดความเสียหายจากนโยบายรัฐที่ถูกดึงเข้า ชักออกของกฎหมายราวหมื่นล้านบาท นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการชักเลย บอกว่าเรื่องของการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจ แต่ต้องมีแพทย์คู่ด้วย แพทย์และสุขภาพ แพทย์และเศรษฐกิจ เราจะต้องทำแบบนั้น แต่จะเป็นยาเสพติดคือการนำไปใช้ในสันทนาการ แต่เรื่องอื่นขออนุญาตทำได้

เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องให้ออกพระราชบัญญัติมาควบคุมการใช้กัญชาแทนการนำกลับสู่ยาเสพติด นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้อธิบายกันแป๊ปเดียวไม่รู้เรื่องหรอก

หากต้องการเสนอตั้งคกก.ร่วม ให้มาพูดคุยกัน

เมื่อถามถึงเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยืนยันจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 9 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปี ในการปลดล็อกกัญชา โดยเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมในเรื่องกัญชา นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ไม่มีคำว่า “ถ้า” หรือ “คิดว่า” เพราะทุกอย่างต้องอยู่บนหลักวิชาการ อย่างไรก็ตาม หากเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม ก็ให้ส่งคนมาพูดคุยกันได้ ให้มาหาตน

ถามต่อว่าการประกาศนอนปักหลักที่ทำเนียบจะเป็นการกดดันการทำงานของ รมว.สาธารณสุข หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้กดดันเลย ทำงานไปสบายๆ ตรงไปตรงมาทุกคน

 

 

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกแถลงการณ์เคลื่อนไหว

วันเดียวกัน นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย โพสต์แถลงการณ์ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล  ‘9มิถุนา ทวงสิทธิกัญชาสู่ประชาชน’ โดยระบุ 3 ข้อเสนอต่อรัฐบาลดังนี้

 

1.สังคมตกผลึกร่วมกันว่ากัญชานั้นต้องควบคุม

แต่จะควบคุมโดยกฎหมายแบบใดให้ใช้ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งกำหนด เราเสนอให้ตั้งกรรมการร่วมเพื่อสำรวจวิจัยจนปรากฎข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแก่สาธารณะและให้ใช้ข้อเท็จจริงนั้นเป็นสิ่งกำหนดว่ากัญชาควรควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดหรือกฎหมายพระราชบัญญัติกัญชา

 

2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขปฏิเสธข้อเสนอ

เพราะรัฐบาลมีธงอยู่แล้วว่าต้องเอากลับไปสู่การเป็นยาเสพติด ทั้งนี้เพราะสามารถกำหนดกติกาเฉพาะให้คนกลุ่มเดียวปลูกกัญชาได้ซึ่งจะนำไปสู่การครอบครองมูลค่าการตลาดหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งประมวลกฎหมายยาเสพติดไม่สามารถออกแบบกลไกคุ้มครองเยาวชนและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากหวังดีกับเยาวชนจริงรัฐบาลนี้คงไม่ปล่อยนโยบายยาบ้า 5 เม็ดออกมาและถ้ากัญชาร้ายจริงทำไมพรรคเพื่อไทยเพิ่งมากลับลำตอนที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรี ในขณะที่สมัยรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กัญชายังไม่เป็นยาเสพติด แค่เปลี่ยนรัฐมนตรี7วันกัญชาเปลี่ยนสถานะทันที  

 

3.การควบคุมโดย พ.ร.บ.กัญชา

ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะที่สามารถออกแบบกลไกการควบคุมเชิงระบบ ‘นำข้อดีมาใช้และควบคุมข้อเสีย’ กฎหมาย พ.ร.บ.จะสามารถกำหนดไม่ให้นำกัญชาไปสู่การผูกขาดแก่ผู้ใด อีกทั้งยังสร้างกลไกการคุ้มครองเยาวชนและบุคคลอื่นที่กฎหมายต้องการคุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสามารถออกแบบกลไกเพื่อรองรับปัญหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายมาก่อน กลไกแบบนี้มันผูกขาดไม่ได้พรรคเพื่อไทยจึงไม่ชอบ สาธารณะโปรดพิจารณาว่าวิธีการทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้ว่าที่ผ่านมาและในอนาคต มีนโยบายใดบ้างที่ไม่เอื้อกับกลุ่มทุน

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ประเทศนี้ไม่เคยใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบายสาธารณะ กิจการใดก็ตามที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจจะเกิดการรวมหัวกันระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุน ออกกฎหมายให้เกิดการผูกขาดเสมอ นับแต่นี้หากกัญชาเป็นยาเสพติดประชาชนต้องหอบต้นกัญชาที่ปลูกทำยาวิ่งหนีตำรวจกันแบบที่เคยเป็นและที่ถูกจับจะเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ใช่ของนายทุนใหญ่เหตุการณ์แบบนี้จะวนเวียนมาอีกรอบ  สมุนไพรต้นหนึ่งที่ใช้รักษาคนมานับพันปี วันหนึ่งรัฐมาทำตัวเป็นเจ้าของและสร้างมาตรการกีดกันการฟื้นภูมิปัญญาในการรักษาของประชาชน

 

“เราทำทุกอย่างแล้วเพื่อให้รัฐใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบาย แต่รัฐมีใบสั่งให้เอากัญชาไปสู่มือกลุ่มทุน หน้าที่ของประชาชนจึงต้องใช้หัวใจและฝ่าเท้ามารวมกันเพื่อให้รัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง วันที่ 9มิถุนายน เชิญทุกท่านมาร่วมกันเวลา 13.00 น.หน้าสำนักงานสหประชาชาติ เพื่อแถลงการณ์การการชุมนุมและเคลื่อนขบวนสู่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 15.00น.เพื่อสร้างประวัติศาสตร์กัญชาไทยให้กลับสู่สิทธิของประชาชน” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว