“รมว.ชลน่าน”  ไม่หวั่นหากถูกปรับครม. ชี้นโยบายยาเสพติดไม่เปลี่ยน ใครมาก็ต้องทำ ไม่น้อยใจ ถือว่ามาทำงานเพื่อประชาชน อำนาจประชาชนยิ่งใหญ่  เผยผลงานภาพจำ ทั้งเคลื่อนงาน 13 ประเด็นควิกวิน - ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ- ลดความเหลื่อมล้ำทำระบบการเงิน 3 กองทุน Financial Data Hub 

 

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่มินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลอุทัย  จ.พระนครศรีอยุธยา   นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. และจะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ว่าจะกระทบต่อนโยบายเรื่องยาเสพติดด้วยหรือไม่ ว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา มีการกำหนด 3 ป. คือ ปลุกชุมชนให้เข็มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย และปราบผู้ค้าที่เกี่ยวข้อง ใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องทำตามนโยบายนี้ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับกลไกการบังคับใช้

เมื่อถามว่า วานนี้ได้มีการเข้าพบนายกฯ  นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เมื่อวานไปรายงานให้ทราบถึงการดำเนินการเรื่องโรงงานผลิตน้ำแข็งที่พบ แอมโมเนียรั่ว ในพื้นที่ จ.ชลบุรี  

 

ตอบชัดชอบทำงานที่ไหน สธ.หรือสภา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ระหว่างทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขกับที่สภา ชอบตรงไหนมากกว่ากัน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถือว่าได้โอกาสทำงานที่ตรงไหนจะทำตรงนั้นให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ มีชื่อตนเองอยู่ในโผปรับครม. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่น้อยใจ ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะในมิติทางการเมือง เรามาจากประชาชน

“ผมมาจากประชาชนตั้งแต่ปี 2544 เชื่อมั่นในเรื่องที่ประชาชนมอบอำนาจให้ อำนาจประชาชนยิ่งใหญ่ที่สุด  ถ้าได้มีโอกาสได้ใช้อำนาจประชาชนมาทำเพื่อประชาชน จึงเป็นเรื่องภาคภูมิใจที่สุด ผมจึงไม่ได้น้อยใจ” นพ.ชลน่าน กล่าว

คนเรามีทั้งคนรัก คนเกลียด เรื่องธรรมดา

เมื่อถามกรณีมีกระแสข่าวว่า อาจเพราะไม่มีใครคอยสนับสนุนจึงทำให้มีชื่อในโผปรับครม.หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คนเราก็มีทั้งคนรัก คนเกลียด เป็นเรื่องธรรมดา

นโยบายภาพจำ "30 บาทรักษาทุกที่ฯ" ลดความเหลื่อมล้ำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่ผ่านมาที่ดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข กว่า 6-7 เดือน มองว่าอะไรเป็นผลงานโดดเด่น และเป็นภาพจำ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 1. นโยบาย13 ประเด็น  ควิกวินใน 100 วัน   2. การยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ขับเคลื่อนได้ 12 จังหวัด เป็นไปตามแผน และจะครบทุกจังหวัดภายในสิ้นปี 2567 และ 3.  การจัดโครงการพาหมอไปหาประชาชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  ขณะนี้ทำไปแล้ว 40 จังหวัด เข้าบริการแล้วเกือบ 2 แสนคน เป็นประชาชนที่ยังขาดโอกาสการเข้ารับบริการแพทย์เฉพาะทาง โครงการนี้ช่วยให้เข้าถึงมากขึ้น อย่างการผ่าตาต้อกระจก ต้องรอผ่า 3 ปี แต่โครงการนี้ผ่าได้ทันที รวมทั้งการตรวจคัดกรองมะเร็งต่างๆ ซึ่งภาคอีสานพบเยอะและพาเข้าสู่กระบวนการรักษา

“นโยบายที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ ทั้งการทำให้เข้าถึงบริการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นการทำลดความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจน และยังมีเรื่องกองทุนต่างๆ ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เรามีระบบศูนย์ข้อมูลกลาง ที่เรียกว่า  Financial Data Hub  ทุกคนที่ไปรักษาพยาบาล ทางรพ.จะมีการส่งข้อมูลมาตรงนี้ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปแต่ละกองทุนทำการเบิกจ่าย ตรงนี้จะลดความซ้ำซ้อน ลดข้อเปรียบเทียบ สามารถนำการบริการมาปรับเชิงระบบให้ดีขึ้น ไม่ต้องรวมกัน แต่วิธีนี้จะทำให้การดูแลสุขภาพลดความเหลื่อมล้ำเรื่องค่าใช้จ่ายได้” รัฐมนตรีว่าการสธ.กล่าว