คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เปิดวงเสวนา ขับเคลื่อนปัญหา PM2.5 ร่วมกับภาคีเครือข่าย เผย 11 ล้านคนทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากฝุ่นพิษ พบ! คนไข้มะเร็งปอดที่ไม่ได้สูบบุหรี่สูงเป็นอันดับ 5 การศึกษาพบอีกว่า การอาศัยในพื้นที่มีมลพิษทางอากาศ เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิต
ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพ จากการวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า PM2.5 เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดปัญหาสุขภาพ ส่งผลให้เกิดหลากหลายโรค และมีผลกระทบต่อหลายระบบของร่างกาย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งปอด
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ กรุงเทพมหานคร จัดเวทีเสวนา หัวข้อ “ศิริราชใส่ใจคุณทุกลมหายใจ” โดยเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังเสวนา ประเด็นต่างๆ จากหลากหลายหน่วยงานในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM 2.5 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดย ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นประธานเปิดงานเสวนา
11 ล้านคนได้รับผลกระทบ จากฝุ่นพิษ PM 2.5
ศ.นพ.อภิชาติ กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า พันธกิจในการดำเนินการดูแลสุขภาพ ไม่ได้ดูเพียงเฉพาะโรคและการเจ็บป่วย แต่ยังรวมถึงสิ่งที่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งจากทั่วประเทศมีถึง 11 ล้านคนได้รับผลกระทบ จากฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ในสังคมเมืองเกิดจากการก่อสร้าง การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง และปัญหาโลกเดือด ศิริราชเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนงานด้านการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 คาดหวังให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแก้ไขปัญหาร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน ภายใต้กฎหมายที่เข้มแข็ง
ด้าน ดร. ชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. เสริมว่า การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM 2.5 มีการดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ขับเคลื่อนให้มีเครือข่ายที่หลากหลายในการร่วมกันแก้ไขปัญหา ทางด้านการขับเคลื่อนทางกฎหมาย การขับเคลื่อนภาคประชาสังคม และการเสริมสร้างวิธีการที่ลดปัญหา เช่น การเผาป่าหรือปัญหาในสังคมเมืองจากมลพิษจาก การเผาไหม้เชื้อเพลิงยานยนต์ และดำเนินการเรื่องโรงเรียนสู้ฝุ่นด้วย
"ที่ผ่านมานั้นจะเห็นได้ว่า เรื่องฝุ่นไม่ใช่เรื่องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข หรือกรมตำรวจ แต่เป็นเรื่องของทุกคนในสังคม ปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากจากฝุ่นพิษ การขับเคลื่อนฝุ่นละออง PM 2.5 จึงต้องเร่งดำเนินการ"
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า อากาศบริสุทธิ์ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับตั้งแต่แรกคลอด การจัดการจึงต้องคำนึงในทุกมิติ ซึ่งการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (PM2.5) ที่มีผลต่อสุขภาพจากมุมมองรัฐบาล ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการพิจารณา รายละเอียดมาตราในร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด โดยพิจารณาจากผู้ได้รับผลกระทบทุกภาคส่วน เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติประเด็นในประเทศไทย รวมถึงการจัดการปัญหาข้ามพรมแดน
PM 2.5 เพิ่มอัตราการเสียชีวิต คนไข้มะเร็งปอดที่ไม่ได้สูบบุหรี่สูงเป็นอันดับ 5
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เสวนาประเด็น ผลกระทบจาก PM 2.5 ต่อสุขภาพ ตอนหนึ่งว่า PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงเนื้อปอด ผ่านการคัดกรองของปอด จนเข้าสู่หลอดเลือด ทันทีที่เข้าสู่หลอดเลือดจะเข้าสู่อวัยวะอื่น ก่อให้เกิดการอักเสบ เมื่อการอักเสบเกิดขึ้นอย่างเรื้อรังก็จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะนั้น
"เมื่อเปรียบเทียบทางระบาดวิทยา คนไข้ในประเทศที่มีมลพิษทางอากาศสูง โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียจะมีสัดส่วนคนไข้ที่เป็นมะเร็งปอดสูง การศึกษาอื่น ๆ มีรายงานด้วยว่า PM 2.5 เพิ่มอัตราการเสียชีวิตทั้งระยะสั้นและระยะยาว และจากการศึกษาพบว่า การอาศัยในพื้นที่ ที่มี PM 2.5 สูง อัตราการตายสูงด้วย" ศ.นพ.มานพ กล่าวและว่า ในอดีต คนไข้มะเร็งปอด มีอัตราการตายสูงสุดจากผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ปัจจุบัน คนไข้มะเร็งปอดที่ไม่ได้สูบบุหรี่ Lung cancer in never smokers (LCINS) สูงเป็นอันดับ 5 จากการรณรงค์หรือการปรับความคิดทำให้ปัจจุบันคนไม่สูบบุรี่นั้นเพิ่มมาก แต่ในทางตรงกันข้าม สัดส่วนการเกิดมะเร็งปอดในกลุ่มที่ไม่ได้สูบบุหรี่นั้นเพิ่มขึ้น
รศ. นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล นำเสนอในประเด็น ภาพรวมของผลกระทบจาก PM 2.5 และ พ.ร.บ. อากาศสะอาด โดยกล่าวถึง ประเด็นนโยบายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่าทุกพรรคพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขนาดนี้ รวมถึงภาคประชาชนให้ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลของมลพิษในอากาศ (PM2.5, SO2, CO) ส่งผลให้มีการเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดและปอดอักเสบเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่โดยเฉพาะเมืองใหญ่ และเมื่อวิเคระห์ข้อมูลการกำเริบของโรคถุงลมโป่งพองโดยการ mapping กับค่าฝุ่นละออง พบว่าสอดคล้องกัน และในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น เมื่อศึกษาข้อมูลย้อนหลังในแต่ละเขต พบว่า ในเขตเมืองชั้นใน เช่น เขตปทุมวัน เขตดินแดง นั้น มีวันที่อากาศอยู่ในระดับสีแดง เฉลี่ย ประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งบางคนอาจเห็นว่าเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ไม่ได้สังเกต แต่ปัญหานั้นมันเกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง ทำให้สัมผัสปัจจัยเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง แล้วเราจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร ทั้งทางด้านการควบคุมสิ่งแวดล้อม การป้องกันส่วนบุคคล เพราะคนรุ่นต่อไปต้องอยู่กับสิ่งที่เราสร้างไว้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด จึงถือเป็นแผนแม่บทในการควบคุมมลพิษทางอากาศ
ทุกภาคส่วนร่วมมือขับเคลื่อนแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5
ด้านนางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นำเสนอประเด็น การแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ฝุ่นละอองในสังคมเมือง พบว่าในปี 2566 มีวันที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน จำนวน 144 วัน ในด้านการแก้ไขปัญหา ทาง กทม. มีแผนการเฝ้าระวัง และกำกับต้นตอของการเกิดฝุ่นละออง ทั้งด้านการแจ้งเตือนค่าฝุ่นละอองสูง ผ่านช่องทาง LINE และ การควบคุมสถานประกอบการ พื้นที่ก่อสร้าง วัด ศาลเจ้า ที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง รวมถึงการดำเนินการทางกฎหมาย โดยอ้างอิงตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข ซึ่งกรุงเทพมหานครมีความสามารถในการควบคุมมลพิษในพื้นที่ กทม. ซึ่งมีการขอความร่วมมือกับเครือข่ายมากกว่า 100 แห่ง
ดร. เจน ชาญณรงค์ ประธานชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล นำเสนอประเด็น “ข้อเสนอยุทธศาสตร์แก้ปัญหาวิกฤตมลพิษอากาศภาคเหนือ” การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากพลังประชาชน โดยในภาคเหนือ ปัญหาไฟป่านั้นเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผ่านมา เผชิญปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่องในทุกปี จากการสืบค้นสาเหตุของฝุ่นละออง พบว่า เกิดจากการเผาป่า ในพื้นที่ดอยหลวง แม่ปิง สาละวิน โดยเฉพาในพื้นที่ ป่าอุทยานแม่ปิง อมก๋อย แม่ตื่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีคนลักลอบจุดไฟ เผาป่า เพื่อไล่ตอนสัตว์ป่า โดยการแก้ปัญหาไฟป่า นั้นอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ หาสาเหตุปัญหา เข้าไปพูดคุยกับผู้ที่เข้าไปเผาป่า พบว่าปัญหาไฟป่านั้นเข้าไปพัวพันกับหลายเรื่อง ทั้งทางด้านปัญหายาเสพติด จึงต้องร่วมมือกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองแก้ไขปัญหา จากความร่วมมือ ทุกภาคส่วน และในภาคเหนือปีนี้ดีกว่าที่ผ่าน จากการอาศัยความเข้มแข็งของชุมชน และการสนับสนุนของรัฐบาล
ส่วนความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา PM2.5 ศ. (วุฒิคุณ) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สสส. และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองที่สูงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้คนไทยสูญเสียปีแห่งการสุขภาพดี โดย สสส. ยึดหลัก การเสนอนโยบาย พัฒนางานวิชาการ และหนุนเสริมประชาสังคม ซึ่งดำเนินการโดย 4 พลัง ได้แก่
1.พลังนโยบาย ซึ่งนโยบายนั้นไม่ได้เพียงอาศัยแต่ องค์กรภาครัฐ แต่รวมถึงทุกบริบททางสังคมในการขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด
2.พลังสังคม สสส. สนับสนุนโครงการและเครือข่ายประชาชนให้มีการขับเคลื่อนพลังสังคม เช่นเครือข่ายสภาลมหายใจ รวมถึงโครงการต่างๆ เช่น ห้องเรียนสู้ฝุ่น ป่าชุมชน โครงการบริหารจัดการเชื้อเพลิง
3.พลังปัญญา การร่วมมือจากสถานศึกษา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ
4.สื่อสารสังคม ทาง สสส. ได้พัฒนาสื่อความรู้ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบ
การขับเคลื่อนปัญหา PM 2.5 จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ส่งเสริมการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาและความร่วมมือในการแก้ไข เพื่อทวงคืนอากาศสะอาดให้กับประเทศไทย
- 307 views