รองปลัด สธ. เป็นประธานหารือเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข รับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ปี 2568 คง 4 มาตรการเดิม เน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสื่อสารสร้างความรอบรู้ และแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว ดูแลสุขภาพประชาชนให้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมปรึกษาหารือการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2568 โดยกล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่ลานีญาในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน 2567 และจะต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมกราคม 2568 ซึ่งคาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในช่วงปลายปี 2567 ถึง กลางปี 2568 จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแนวโน้มฝนที่มากขึ้น พื้นที่มีความชุ่มชื้น สิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงติดไฟยาก แต่ยังคงให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการคาดการณ์ 7 วันล่วงหน้า ภาพรวมประเทศคุณภาพอากาศมีแนวโน้มในระดับดีมาก-ปานกลาง ยกเว้นช่วงวันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2567 จะมีแนวโน้ม PM2.5 เพิ่มขึ้นอยู่ระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากสภาพอากาศปิดและการเผาพื้นที่เกษตร
นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา (ร่าง) มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข มุ่งดูแลสุขภาพประชาชนเชิงรุก โดยการคง 4 มาตรการเดิม ยกระดับเป้าหมายและการปฏิบัติการ ประกอบด้วย
- มาตรการที่ 1 สร้างความรอบรู้และส่งเสริมองค์กรลดมลพิษ
- มาตรการที่ 2 ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
- มาตรการที่ 3 จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
- มาตรการที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
ทั้งนี้ ได้ให้ปรับแนวทางในการดำเนินงานภายใต้มาตรการต่างๆ ให้เข้มข้นและชัดเจนมากขึ้น อาทิ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการสื่อสารสร้างความรอบรู้และแจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคหัวใจ และโรคระบบทางเดินหายใจ ให้มากยิ่งขึ้น เช่น ผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม และการนัดหมายออนไลน์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาปรับระดับปฏิบัติการและเกณฑ์การเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ให้สอดคล้องกับเกณฑ์ระดับประเทศ ประกอบด้วย ระดับ 1 : น้อยกว่าหรือเท่ากับ 37.5 มคก./ลบ.ม. ให้ดำเนินการทั้งปี ตามภารกิจ หน้าที่ และกฎหมายที่มีอยู่ให้ครบถ้วนตามสภาวการณ์ปกติ ระดับ 2 : 37.6 - 75.0 มคก./ลบ.ม. ให้ยกระดับมาตรการต่างๆ ให้เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ ระดับ 3 : 75.1-150 มคก./ลบ.ม. ให้ยกระดับการปฏิบัติการให้เข้มข้นโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง: เช่น การให้ Work Form Home และพิจารณาใช้กฎหมายควบคุมพื้นที่/แหล่งกำเนิดที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และ ระดับ 4 : มากกว่า 150 มคก /ลบ.ม. ติดต่อกัน 5 วันขึ้นไป ให้เพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติการในทุกกลุ่ม เน้นการปฏิบัติการเชิงรุกและดูแลสุขภาพประชาชนอย่างเร่งด่วน เช่น การงดกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น สำหรับ PHEOC ในระดับจังหวัด จะเปิดเมื่อ PM2.5 มากกว่าหรือเท่ากับ 75.1 มคก./ลบ.ม ติดต่อกัน 2 วัน
- 139 views