สสส. สานพลัง "สมาคมฮักชุมชน" ลงพื้นที่เทศบาลตำบลสบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ถอดบทเรียนผลสำเร็จ “ขับเคลื่อนการเลิกสุรา” ผ่านกิจกรรม “กลุ่มฮักครอบครัว” ช่วยเลิกดื่มสำเร็จ ชูเป็นต้นแบบชุมชนสุขภาวะดี คืนคนดีสู่สังคม
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2567 ที่เทศบาลตำบลสบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 2 และประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1สสส. กล่าวว่า จากผลสำรวจสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภูมิภาคของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2564 พบภาคเหนือมีความชุกของนักดื่มมากที่สุดในประเทศคือ 33.1% โดยมีสัดส่วนผู้ที่ดื่มหนัก(ดื่มสุรา 5-7 วัน/สัปดาห์) 39.3% ของนักดื่มทั้งหมดที่มี 2.2 ล้านคน ซึ่งผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุและอาชญากรรมส่งผลต่อสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 165,450 ล้านบาท และเป็นปัจจัยทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร สร้างความสูญเสียกับประเทศในวงกว้าง สสส. จึงร่วมกับสมาคมฮักชุมชน ริเริ่มโครงการขับเคลื่อนการดูแลผู้มีปัญหาสุราและสุขภาวะโดยชุมชน เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าสู่กระบวนการ ลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเน้นการทำงานผ่านชุมชน และวัด เพราะใกล้ชิดกลุ่มเป้าหมายและการป้องกันแก้ไขปัญหาในชุมชนร่วมกัน
“การทำงานลดผลกระทบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พื้นที่ ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของหน่วยงานและคนในพื้นที่ที่ตระหนักถึงปัญหาน้ำเมาและช่วยกันทำให้ชุมชนห่างไกลปัจจัยเสี่ยง เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้คนทุกช่วงวัยมีกาย จิต ปัญญา และสังคมที่ดี ตรงตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ สสส. ที่ต้องการสร้างสังคมให้มีสุขภาวะ ทั้งนี้ สสส. ตั้งเป้าหมายให้พื้นที่
ต.สบเตี๊ยะ เป็น 1 ในพื้นที่ต้นแบบการสานพลังภาคีเครือข่ายลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมุ่งขยายให้เกิดพื้นที่ต้นแบบในทุกภูมิภาคต่อไป นพ.สุรเชษฐ์ กล่าว
นางสาวรักชนก จินดาคำ นายกสมาคมฮักชุมชน กล่าวว่า โครงการขับเคลื่อนการดูแลผู้มีปัญหาสุราและสุขภาวะโดยชุมชน มีกระบวนการทำงาน 2 รูปแบบ คือ ธรรมนำทาง และกลุ่มฮักครอบครัว ดำเนินการใน 26 พื้นที่ 9 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ภาคเหนือ 3 จังหวัด และกรุงเทพฯ เป็นรูปแบบธรรมนำทาง 10 พื้นที่ รูปแบบกลุ่มฮักครอบครัว 16 พื้นที่ โดยสร้างกลไกขับเคลื่อนงานที่ชุมชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของปัญหา มีความเข้าใจ มีความรู้ ทักษะ มีเครื่องมือดูแลผู้มีปัญหาสุราที่พร้อมดำเนินการบำบัดดูแลผู้มีปัญหาสุรา โดยที่ต.สบเตี้ยะมีการขับเคลื่อนงานร่วมกับอปท.และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เป็นกลไกการทำงานขับเคลื่อนการดูแลผู้มีปัญหาสุราโดยชุมชน เพื่อให้ผู้มีปัญหาสุรามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลด ละ เลิก ดื่มสุรา มีสัมพันธภาพที่ดีกับคนในครอบครัวและชุมชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“การทำงานในพื้นที่นำร่อง 8 หมู่บ้าน ในต.สบเตี๊ยะเป็นรูปแบบกลุ่มฮักครอบครัว ดำเนินการมา ในระยะ 2 ปี มีการอบรม พัฒนาทักษะคนในพื้นที่ 124 คน ให้มีความรู้ด้านบริหารจัดการ และการจัดกิจกรรมกลุ่มฮักครอบครัว บำบัดการเลิกเหล้า โดยมีผู้มีปัญหาจากการดื่มสุราที่มีแนวโน้มดื่มจนทำให้เกิดปัญหากับตนเอง ครอบครัว และชุมชน เข้าร่วม 55 คน สามารถปรับพฤติกรรมการดื่มสุรา มีผู้ที่เลิกดื่มสำเร็จ 12 คน (22%) ลดการดื่ม 38 คน (69%) ดื่มในระดับเดิม 4 คน (7%) และเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว 1 คน ทั้งนี้ ผู้มีปัญหาสุราส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยลดการดื่มสุรา มีสุขภาพดีขึ้น ได้รับโอกาสมีการจ้างงาน มีความเข้าใจในครอบครัวมากขึ้นและเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนมากขึ้น” นางสาวรักชนกกล่าว
นายอภิวัฒน์ วังใจชิด ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยโจ้ หมู่ที่ 8 ต.สบเตี๊ยะ 1 ใน 8 หมู่บ้านนำร่องกลุ่มฮักครอบครัว จากทั้งหมด 21 หมู่บ้านในต.สบเตี๊ยะ ในฐานะผู้นำกลุ่มฮักครอบครัว กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสุราเป็นเรื่องที่ท้าทายเพราะคนในพื้นที่มองเป็นเรื่องเป็นเรื่องส่วนบุคคล ความสนุกสนาน ไม่ผิดกฎหมาย อีกทั้งประเพณี วิถีวัฒนธรรมของชุมชนก็มีเรื่องเหล้าเกี่ยวข้องมายาวนาน ปัญหาการดื่มสุราในพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ความรุนแรงในครอบครัว และความปลอดภัยในชุมชน จึงตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มฮักครอบครัวในปี 2564ปัจจุบันในหมู่บ้านมีผู้ดื่มสุรา 40 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้มีปัญหาจากการดื่ม 6 คน จาก 6ครอบครัว จากการร่วมโครงการทำให้คณะทำงานได้เรียนรู้การมีส่วนร่วม มีทักษะการนำกลุ่ม มีความรู้มีทักษะประเมินปัญหาสุรา สามารถสร้างแรงจูงใจให้ตระหนักถึงปัญหาสุราและผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้คนในพื้นที่มีความเข้าใจกันมากขึ้น
“ขณะนี้มีผู้เลิกดื่มสุราได้ 3 คน ส่วนอีก 3 คน มีการปรับพฤติกรรมลดการดื่มสุราลง ส่งผลให้เกิดความเข้าใจในครอบครัวกันมากขึ้น เกิดความอบอุ่นในครอบครัว ช่วยลดปัญหาการขาดงานลางานจากการดื่มสุรา ทำให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ทั้งนี้ ปัญหาสุราต้องใช้เวลา ต้องเริ่มมาจากความสมัครใจ ตระหนักถึงปัญหา ข้อดีการลด ละ เลิก และได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัว ชุมชน เทศบาล รพ.สต. และมีสสส. และภาคีให้ความช่วยเหลือให้แนวทางการการทำงาน ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นพลัง ไม่โดดเดี่ยว ทำให้ต.สบเตี๊ยะสามารถเป็นต้นแบบจูงใจให้เกิดการทำงานในระดับตำบลให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น” นายอภิวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ รูปแบบกิจกรรมของโครงการฯ มี 2 รูปแบบ 1.ธรรมนำทาง ระยะเวลา 12 เดือน มีกิจกรรมรู้ ธรรม อยู่วัด 7 วัน 6 คืน และกิจกรรมติดตาม นำ หนุน ใจ 7 ครั้ง โดยมีกลไกขับเคลื่อนงาน 3 ภาคีหลักในชุมชน คือ 1.พระสงฆ์ ให้หลักธรรม สร้างสติ หนุนเสริมปัญญา2.บุคลากรสุขภาพ ให้ความรู้ผลกระทบสุรา การดูแลสุขภาพ การเฝ้าระวังภาวะถอนพิษสุรา และผู้นำชุมชน และ อสม. ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้มีปัญหาสุราสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม สนับสนุนกระบวนการการติดตามผล สร้างความเข้าใจ ให้โอกาสกับผู้ที่อยากเลิกสุรา และลดการกระตุ้นการกลับไปดื่มซ้ำ 2.กลุ่มฮักครอบครัว ระยะเวลา 12 เดือน มีกิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชุดทักษะความรู้ 8 ครั้ง 8 สัปดาห์ และกิจกรรมติดตาม นำ หนุน ใจ 8 ครั้ง โดยผู้มีปัญหาสุราและสมาชิกในครอบครัวจะต้องมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง
ขณะที่ พระอภัย (ตุ๊อ๊อด) หรือนายอภัย ฮ่องแฮ่งสุน อายุ 47 ปี ผู้มีปัญหาจากการดื่มสุรา เล่าว่า ตนดื่มเหล้าเป็นประจำ ดื่มทั้งงานศพ งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ กินไปด้วย ทำงานช่วยหมู่บ้านไปด้วย เล่นไพ่ไปด้วย เหล้าคือส่วนหนึ่งของชีวิตวัฒนธรรมของชาวบ้าน ซึ่งทำให้ตนหมดเงินไปกับส่วนนี้ไม่น้อยเลย จากนั้นแม่และผู้ใหญ่บ้านชักชวนเข้าร่วมกิจกรรมของฮักชุมชน ตนอยากตามใจแม่ ในตอนแรกไม่ได้คิดจะเลิกดื่มสุรา
แต่เมื่อเข้าไป ครั้งที่ 1 - 3 ครั้งก็ยังดื่มสุราอยู่ แต่เริ่มคิดคล้อยตาม นกลุ่มที่ได้ฟังเรื่องราว ประสบการณ์ของเพื่อนผู้ดื่มสุราด้วยกัน และความทุกข์ของคนในครอบครัว เริ่มลดการดื่ม จากเหล้าขาว 2 ขวดต่อวัน เหลือ 1 ขวดต่อวัน จนกระทั่งแม่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เจตนารมณ์ เป้าหมายจึงเปลี่ยน อยากบวชเพื่อเป็นกุศลบุญให้กับแม่และอยากเลิกดื่มสุรา เพื่อให้เป็นตามความตั้งใจของแม่ จึงตัดสินใจบวชและเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มฮักครอบครัวจนครบกระบวนการ เป็นระยะเวลา 1 ปี และยังเป็นพระสงฆ์ในวัดห้วยโจ้จนถึงปัจจุบัน
- 165 views