สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์ฯ เครือข่ายผู้ปกครอง ครู เด็กและเยาวชน ยื่นหนังสือถึง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานกมธ.สาธารณสุข” ขอให้คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เรียกร้องให้ปราบปรามบังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน เร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกต้องแก่เยาวชนและกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่ม 

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ที่สภาผู้แทนราษฎร สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ฯ (สพท.) เครือข่ายผู้ปกครอง ครู เด็กและเยาวชน นำโดย น.ส.นันทิดา แก้วถาวร ประธานฝ่ายรณรงค์เพื่อสุขภาพ ผู้แทน สพท. ได้ยื่นหนังสือถึง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขอเรียกร้องให้รัฐสภาเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ที่ห้ามสูบในสถานที่ราชการ เพื่อเคารพกฎหมายและเป็นแบบอย่างแก่เด็กและเยาวชนไทย และยื่นหนังสือถึง นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ขอให้คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และเรียกร้องให้ปราบปรามบังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเร่งรัดให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกต้องแก่เด็กนักเรียนทุกระดับ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องในโอกาสวันสาธารณสุขแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 27 พ.ย. ของทุกปี 

น.ส.นันทิดา กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ได้รายงานว่า บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพชัดเจน อาทิ เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง มากกว่าเด็กที่ไม่เคยสูบถึง 3-4 เท่า และทำให้เกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน หรือ E-cigarette or vaping product use associated lung injury (EVALI) ได้ ซึ่งธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าทำการตลาดชวนเชื่อว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ ขณะเดียวกันได้ทำผลิตภัณฑ์ให้มีรูปลักษณ์ทันสมัย สีสันสวยงาม มีรสและกลิ่นหอมหลากหลาย เพื่อดึงดูดให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า

น.ส.นันทิดา กล่าวต่อว่า สพท. ได้ออกแถลงการณ์ ขอให้มีการทบทวนกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกนำมาเป็นที่ถกเถียงในปัจจุบันในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1.หากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยจะยิ่งน่าเป็นกังวลมากขึ้น เพราะปัจจุบันนี้ แม้บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ถูกกฎหมายก็พบว่ายังมีการลักลอบนำเข้า ซื้อขายและใช้อย่างแพร่หลายในเด็กและเยาวชน

2.ภาครัฐต้องบังคับใช้กฎหมายควบคุมการใช้ในเด็กและเยาวชนให้มีประสิทธิภาพ

3.การแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ต้องมีรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจยาสูบ เพื่อป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบจากธุรกิจยาสูบหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง