“หมอชลน่าน” รับเรื่องปรับเงินเดือนชาวสาธารณสุข ลั่นอยู่ในนโยบายพรรคเพื่อไทย ระดับป.ตรีขั้นต่ำ 25,000 บาท ยกตัวอย่างกระเป๋าเงินดิจิทัล 5 แสนล้าน ถ้าค่าจีดีพีมากกว่า 5% ทุกอย่างจะหมุน ปรับฐานเงินเดือนจะตามมา ด้านตัวแทนนักวิชาการสาธารณสุขขอ รมว.สธ.ช่วยเหลือเป็นของขวัญปีใหม่

 

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 22 กันยายน  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) รับหนังสือข้อเรียกร้องจากสมาพันธ์เครือข่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมไทย สมาคมสหพันธ์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม(ประเทศไทย) พร้อมด้วยกลุ่มภาคีเครือข่ายข้าราชการและกำลังคนทางด้านสาธารณสุข รวม 31 กลุ่ม ซึ่งมาติดตามความก้าวหน้าเกี่ยวกับการจัดบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งนักสาธารณสุข และสิทธิสวัสดิการต่างๆ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นนโยบายของท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน และนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในการยกระดับการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะบุคลากรคนทำงานทุกระดับ ทั้งสายวิชาชีพ สายสนับสนุนหรือแบคออฟฟิศ หรือด่านหน้า กองหน้า กองกลาง กองหลัง ต้องเข้มแข็ง ทุกท่านขอให้มีความภาคภูมิใจในหน้าที่ วิชาชีพของแต่ละท่าน แต่ละคน มือห้านิ้วไม่เหมือนกัน ขาดนิ้วใดนิ้วหนึ่งไม่ได้ ไม่มีใครตัวเล็ก ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่มีภาระหน้าที่แตกต่างแต่สอดรับสอดประสานทำงานด้วยกัน เรื่องนี้สำคัญ และท่านปลัดสธ.รับนโยบายนี้แล้ว โดยจะไปดูทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบุคลากรของเรา การเข้าสู่ตำแหน่ง รวมถึงการเตรียมบุคคลเข้ามา ทั้งการเรียนการสอน การเข้าสู่ทำงาน มีตำแหน่งต่างๆรองรับ  ค่าตอบแทน รายได้ที่ควรได้

“สำหรับข้อเรียกร้องเรื่องการปรับเงินเดือนนั้น เป็นนโยบายพรรคเพื่อไทย ยกระดับถึง 25,000 บาทระดับปริญญาตรี ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังปรับแก้อยู่ขณะนี้  อย่างการใส่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเลต 5 แสนล้าน ถ้าค่าจีดีพีมากกว่า 5% ทุกอย่างจะหมุน การปรับฐานเงินเดือนจะตามมา วางแนวทั้งหมดแล้ว” นพ.ชลน่าน กล่าว

รัฐมนตรีฯ กล่าวอีกว่า ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งหมดจะดูให้ภายใต้การมีส่วนร่วม ผมตั้งใจว่าในแต่ละระดับจะเข้าไปดูเรื่องค่าตอบแทน สวัสดิภาพสวัสดิการของพวกเรา ภาระงาน ความก้าวหน้าเราจะดูให้ เพราะตั้งใจให้พวกเราทำงานอย่างมีความสุข เพื่อให้เป็นต้นแบบ หากเราสุขภาพดี ประชาชนก็สุขภาพดี

ด้านนายอเนก ทิมทับ กลุ่มเครือข่ายนักวิชาการสาธารณสุข จ.นครปฐม กล่าวว่า ทางกลุ่มและภาคีเครือข่ายมาเป็นตัวแทนนักวิชาการสาธารณสุข ปัจจุบันที่เป็นสมาชิกในสภาการสาธารณสุขชุมชนอยู่ที่ประมาณ 52,000 คน สอบใบประกอบวิชาชีพตามกฎหมายรองรับเป็น นักสาธารณสุข อยู่ประมาณ 2.7-2.8 หมื่นคน  ซึ่งพวกตนเดินทางมาขอให้ท่านชลน่าน รัฐมนตรีฯ ช่วยเหลือในเรื่องของความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ทั้งค่าตอบแทน อัตราโครงสร้าง ลูกจ้างจ้างไม่ตรงวุฒิ ฯลฯ มีทั้งหมด 8 ประเด็น ซึ่งวันนี้ตัวแทนจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้เข้ายื่นเรื่องแก่ท่านรัฐมนตรีฯแล้ว ประกอบด้วย

 

ประเด็นที่ 1

ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการจัดคนลงในตำแหน่ง “นักสาธารณสุข” โดยให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 ซึ่งมีผลใช้บังคับมานานนับ 10 ปี และให้เป็นไปตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยที่ ก.พ. เห็นชอบให้ประกาศมาตรฐานกำหนดตำแหน่งนักสาธารณสุข เพิ่มขึ้นใหม่ มีผลนับแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566

                       

ประเด็นที่ 2

ให้เพิ่มชื่อตำแหน่ง “นักสาธารณสุข” ลงใน กฎ ก.พ.ว่าด้วยเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

                       

ประเด็นที่ 3

ให้บุคคลที่ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ได้แก่ เจ้าพนักงานสาธารณสุข, เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข, เจ้าพนักงานเภสัชกรรม ฯลฯ ที่มีวุฒิปริญญาตรีด้านสาธารณสุขและมีใบประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ให้เข้าสู่ตำแหน่ง “นักสาธารณสุข” เป็นกรณีพิเศษ

                       

ประเด็นที่ 4

ให้ “นักสาธารณสุข” ได้รับเงินประเภทค่าตอบแทนวิชาชีพ และ เงิน พ.ต.ส. หรือเงินตอบแทนอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ทัดเทียมทุกวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข

                       

ประเด็นที่ 5

ให้บรรจุกลุ่มพนักงาน พ.ก.ส. และกลุ่มลูกจ้าง ที่ตกหล่นจากสถานการณ์โควิด - 19 เป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

                       

ประเด็นที่ 6

ให้ปรับโครงสร้างบัญชีเงินเดือนข้าราชการ กรณีเพดานเงินเดือนตันและมีความเหลื่อมล้ำ

                       

ประเด็นที่ 7

ให้ข้าราชการที่ครองตำแหน่งสายงานวิชาการสามารถเลื่อนขึ้นระดับชำนาญการพิเศษ ส่วนข้าราชการที่ครองตำแหน่งสายงานทั่วไปให้เลื่อนขึ้นระดับอาวุโส โดยไม่ยุบตำแหน่ง

                       

ประเด็นที่ 8

สนับสนุนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แยกออกจาก ก.พ. ให้มีระเบียบบริหารราชการบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขเอง

 

 “พวกเรามีความคาดหวังว่า ตุลาคมนี้ ทางกระทรวงฯจะลงตำแหน่งให้เสร็จ และเดือนพฤศจิกายนจะได้เข้าก.พ. เพื่อเสนอครม.ต่อไป ในเรื่องกำหนดเงินค่าวิชาชีพนักสาธารณสุข โดยพวกเราอยากขอให้เป็นของขวัญปีใหม่ 2567 นี้ ซึ่งจากการได้พบพูดคุยกับท่านชลน่าน นับว่าสัญญาณดีมาก ไม่ว่าจะเรื่องการพิจารณาปรับโครงสร้างตำแหน่งนักสาธารณสุข การปรับลงตำแหน่ง ทราบว่ากำลังดำเนินการ ซึ่งเราก็มีความหวังมากขึ้น” นายอเนก กล่าว