ประชุมผู้บริหารสธ.ถกหลายประเด็น โดยเฉพาะปัญหาบุคลากร ยกตัวอย่างรพ.บ้านแพ้วเผยยังขาดแคลนพยาบาล ขณะที่สถาบันพระบรมราชชนกผลิตพยาบาลปีละ 4 พันกว่าคน เร่งผลิตให้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าศึกษาแนวคิดตั้งคกก.บุคลากรด้านสาธารณสุข แยกตัวจากก.พ.เหมือนครู ตำรวจ ขณะที่ประเด็นถ่ายโอนนรพ.สต.นั้น สธ.พร้อมสนับสนุน แต่ขอให้มีความ เพราะจริงๆ มีกฎหมายหลายฉบับที่ยังไม่มีการแก้ไขก่อนถ่ายโอน เช่น กฎหมายวิชาชีพ กฎหมายด้านการเงิน เป็นต้น
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอกาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริการระดับสูง ครั้งที่ 7/2566 ว่า วันนี้มีการหารือกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการติดตามงานต่างๆ คือ 1.โครงการฟันเทียม รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เป็นความร่วมมือระหว่างกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มูลนิธิทันตนวัตกรรม เพื่อให้บริการฟันเทียมและรากฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันจนไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ ซึ่งพบว่ายังมีการให้บริการต่ำกว่าเป้าหมายอยู่ เนื่องจากการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมของประชาชนยังมีปัญหาอยู่ สธ. จึงเร่งออกนโยบาย พัฒนาโรงพยาบาล (รพ.) ทันตกรรมให้มีทุกจังหวัดของประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น
สธ.ปรับระบบควบคุมการก่อสร้าง ใช้งบให้คล่องตัว
2.การก่อสร้างภายในของ สธ. ที่มักพบปัญหาตรวจและควบคุมการก่อสร้าง จากเดิมต้องมีช่างจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จากส่วนกลางลงไปควบคุม ดังนั้น นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีสบส. ก็จะปรับระบบให้มีนายช่างลงไปอยู่ประจำทุกจังหวัด เพื่อควบคุมการก่อสร้าง ให้งบประมาณที่ใช้เกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น และหากเราควบคุมงานได้ดี ปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานก็จะน้อยลงด้วย โดยจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 ในวันที่ 1 ต.ค.2566
รพ.บ้านแพ้วสะท้อนปัญหายังขาดแคลนพยาบาล
เมื่อถามว่าที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาด้านอัตรากำลังหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ทราบว่าทางสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จะนำเรื่องที่ได้หารือกับ สธ. เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2566 เข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ หรือหากถ้าไม่ทันก็คาดว่าเป็นสัปดาห์หน้า เพื่อเร่งให้เกิดการทำงานแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมใน 30 วัน นอกจากนั้น นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร ผอ.รพ.บ้านแพ้ว ได้สะท้อนปัญหาด้านบุคลากรพยาบาลที่เกิดขึ้นว่าทาง รพ. มีศักยภาพในการพัฒนาการให้บริการประชาชนได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะขาดแคลนพยาบาล ขณะที่ ศ.พิเศษ ดร.นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก ได้รายงานว่า ทางสถาบันฯ ผลิตพยาบาลได้ปีละ 4,000 กว่าคน ซึ่งไปรวมกับหน่วยงานอื่นก็จะเป็นปีละหมื่นกว่าคน ซึ่งสถาบันฯ ก็จะเร่งรัดผลิตพยาบาลให้มากขึ้น
สธ.เร่งผลักดันหัวหน้าพยาบาลขึ้นตำแหน่งซี8
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความก้าวหน้าในการทำงานของวิชาชีพพยาบาล ที่ขึ้นตำแหน่งเป็นชำนาญการพิเศษ หรือ C8 ได้ยาก หลายคนที่เป็นหัวหน้าพยาบาลยังไม่ได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเราต้องเร่งผลักดันไปยัง ก.พ. ต่อไป รวมถึงต้องศึกษาแนวคิดการจัดตั้งคณะกรรมการบุคลากรด้านสาธารณสุข เหมือนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.) และ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทั้งนี้ บุคลากรของสธ.มีสาขาเยอะ ดังนั้นจะต้องดูทั้งระบบทั้งเรื่องจำนวน สายวิชาชีพ ความก้าวหน้า ค่าตอบแทนและภาระงาน
สธ.เห็นด้วยถ่ายโอนรพ.สต. แต่ขอให้มีความพร้อมจริงๆ
ถามถึงว่าที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาหลังการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปให้ท้องถิ่นหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ก็ได้หารือกันตามที่ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ที่เป็นผู้อยู่หน้างานจริงๆ ได้สะท้อนปัญหามาว่าหลาย รพ. มีภาวระงานเพิ่มขึ้น เนื่องจาก รพ.สต. ไม่สามารถให้บริการได้ ประชาชนจึงกลับไปรับบริการที่ รพ. มากขึ้น ซึ่งขอย้ำว่า สธ. เห็นด้วยกับการถ่ายโอน แต่ควรจะมีความพร้อมเพราะจริงๆ มีกฎหมายหลายฉบับที่ยังไม่มีการแก้ไขก่อนถ่ายโอน เช่น กฎหมายวิชาชีพ กฎหมายด้านการเงิน ซึ่งตามกฎหมายแล้ว สธ. ไม่สามารถสนับสนุนงบประมาณข้ามหน่วยงานได้
“ที่ผ่านมาในช่วงแรกของการถ่ายโอน สธ. ทำหนังสือถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัดน (อบจ.) ว่า สธ. จะช่วยสนับสนุนด้านบุคลากรอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งเมื่อครบกำหนด สธ. ก็ได้ทำหนังสือไปเป็นฉบับที่ 2 ไปสอบถามว่า อบจ.มีความพร้อมแล้วหรือยัง หลายแห่งก็พร้อมแล้ว แต่หลายแห่งยังไม่พร้อม เราก็ให้ความช่วยเหลือต่อ” นพ.โอภาส กล่าว
- 5466 views