“อนุทิน”เผยกัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ หากกลับเป็นยาเสพติด จะกระทบผู้ลงทุน เศรษฐกิจเสียหาย ด้านอธิบดีแพทย์แผนไทยเดินหน้าใช้ยาสมุนไพรในระบบสุขภาพมากขึ้นตั้งเป้า 20% จากปัจจุบัน 5%   ชูสมุนไพรแชมป์เปี้ยน “ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน กระชายดำ”

 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ฮอลล์ 11-12 อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)   ให้สัมภาษณ์ภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 20 "สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจไทย" กรณีผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลอนาคตอาจปรับกัญชาเป็นยาเสพติด จะกระทบเศรษฐกิจหรือไม่  ว่า  คำว่า กัญชามีประโยชน์ในเรื่องทางการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจ มันเป็นองค์รวม คนที่จะมาดูแลนโยบายนี้ ตนคิดว่าเมื่อเขาเข้ามาแล้วก็คงจะได้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ถ้าอยู่ข้างนอกอาจจะมัวแต่ๆปกังวลในกระแสสังคมของบางส่วนเท่านั้น และข้อมูลไม่ค่อยมี ก็พูดแบบเอาใจฐานเสียงไว้ก่อน แต่หากเข้ามาแล้วรับทราบข้อมูล ทราบความคืบหน้าก้าวหน้าของการพัฒนาพืชกัญชงกัญชา การเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งท่านเหล่านั้นควรจะมาเที่ยวงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ จะได้มีข้อมูลเยอะๆ

“อนุทิน”เผยหากกัญชา กลับเป็นยาเสพติด ศก.จะเสียหาย

"แล้วจะดูว่าหากเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ ท่านจะทำให้คนที่ลงทุนไปแล้วเสียหายขนาดไหน เศรษฐกิจเสียหายขนาดไหน อย่าเอาคนที่ทำผิดกฎหมาย เกิดสิ่งที่น่ากลัวออกมา กัญชาจากต่างประเทศขายเอาไปเพื่อสูบเพื่อนันทนาการ อย่าเอาแค่มิติตรงนั้นมาทำลายภาพรวมทั้งระบบ กัญชากัญชงยังมีประโยชน์มากอีกเยอะ" นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า ถ้ามางานมหกรรมสมุนไพรฯ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีนโยบายกัญชาต่อไป เพราะจะได้พบกับคนที่พัฒนาสมุนไพรนี้ขึ้นมา มีทั้งแพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะให้คนเหล่านี้ออกมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาไม่พูดหรอก เพราะเขามั่นใจในหลักวิชาการของเขา ทางที่ดีคือมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน งานมหกรรมสมุนไพรฯ ก็น่าจะเป็นสถานที่ทำให้ได้เกิดประโยชน์ในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “พ่อหมอบุญมา มุงเพีย” หมอ 10 บาทรักษาทุกโรค จ.สกลนคร  รับรางวัลหมอไทยดีเด่นปี 66)

 

อธิบดีแพทย์แผนไทย เดินหน้าใช้แพทย์แผนไทยเสริมแผนปัจจุบัน เน้นดูแลสุขภาพ

ด้านนพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 20 "สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจไทย" ว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ดำเนินการเรื่องสร้างภาพลักษณ์ของการใช้ยาสมุนไพรไทยมาตลอด 20 กว่าปี และมีงานวิจัยมาสนับสนุนในเชิงระบบ ในสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นโยบายก็ชัดเจนว่าให้ใช้ยาสมุนไพรไทยทดแทนการใช้ยาแผนปัจจุบัน ในภาพรวมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม อาหารเสริมต่างๆ ปัจจุบันตัวเลขที่ดูจากยูโรมอนิเตอร์ ปี 2565 อยู่ที่ 52,000 ล้านบาท เราตั้งเป้าตามแผนยุทธศาสตร์สมุนไพรแห่งชาติ ปี 2566-2570 ว่า ปี 2570 จะต้องได้ถึง 90,000 - 100,000 ล้านบาท แต่จะเป็นส่วนของอาหารเสริมและเครื่องดื่มเยอะกว่า ส่วนของยาอาจจะไม่เยอะมาก อาจจะเป็นหลักพันปลายๆ ถึงหลักหมื่นล้านบาท

"การดำเนินการก็จะมีทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาและกระตุ้นการใช้ อีกอย่างช่วงโควิดเองก็ทำให้ประชาชนมั่นใจว่า สมุนไพรไทยก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญสามารถที่จะมาดูแลสุขภาพ ปีนี้ทางกรมฯ เองก็พยายามเปิดแคมเปญเรื่องของ wellness ซึ่งเข้าใจว่าภาคเอกชนทำเรื่องนี้เยอะมากขึ้น โดยใช้ศาสตร์แพทย์แผนไทย สมุนไพรใน wellness Center ต่างๆ เพื่อยกระดับและทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไป" นพ.ธงชัยกล่าว

สธ.เปิดตัว  Thainess Wellness Destination หรือ TWD

นพ.ธงชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ สธ.ยังเปิดตัวอีกแบรนด์หนึ่ง คือ Thainess Wellness Destination หรือ TWD เพื่อให้เห็นภาพว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของไทย คำว่า Thainess ในที่นี้หมายถึง มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในการต้อนรับที่มีความเป็นไทย ถ้าหน่วยงานที่เป็นโรงแรม ร้านอาหาร ที่พัก สถานพยาบาล ร้านนวด สปา ถ้าได้ครบองค์ประกอบพวกนี้ เราก็จะไปให้การรับรองได้แบรนด์ TWD ซึ่งเราจะขยายต่อไปในอนาคต

 

ศาสตร์แพทย์แผนไทยปัจจุบันยังดูแลประชาชนได้เพียง 5%

ถามถึงกรณียาสมุนไพรที่ยังสร้างมูลค่าน้อย จะมีการส่งเสริมอย่างไร นพ.ธงชัยกล่าวว่า เข้าใจว่าที่ยังน้อย มองว่าปลายน้ำ ถ้าจะทำให้จุดนี้ทะลุไปได้ คงต้องทำที่ปลายน้ำ เรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ในระบบสุขภาพทั้งระบบ แพทย์ พยาบาล และวิชาการต่างๆ ให้มั่นใจตรงนี้ แนวทางที่กำลังขับเคลื่อนคือ จะเอาศาสตร์แพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย เข้าไปบูรณาการร่วม ไม่ได้ไปแข่งกับใคร ร่วมในส่วนที่แพทย์แผนปัจจุบันยังมีจุดอ่อนอยู่ ก็เอาศาสตร์แผนไทยก็ไป ถ้าทำแบบนี้เราจะสามารถร่วมกันและตั้งเป้าว่าในระบบสุขภาพเอง ศาสตร์แพทย์แผนไทยน่าจะเข้าไปมีส่วนในการดูแลประมาณ 20% วันนี้ตัวเลขการสำรวจอยู่ที่ 5% เท่านั้น

ชูสมุนไพร 3 ตัวหลัก Herbal Champion

ถามว่าปีนี้จะมีการชูสมุนไพรอะไรเพื่อที่จะจุดกระแสเพิ่มเติมจากฟ้าทะลายโจรที่มาดูแลโควิดในปีก่อน นพ.ธงชัยกล่าวว่า ในไทยเรามีความหลากหลายของสมุนไพรค่อนข้างเยอะ ถ้าเราไปชูตัวใดตัวหนึ่ง ก็ยังคุยกับทีมว่าจะมีตัวใดตัวหนึ่งชัดๆ หรือไม่ แต่ใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่ตนได้ประกาศเรื่องของ Herbal Champion (สมุนไพรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ) มีสมุนไพรอยู่ 15 ตัว แต่ที่เป็นหลักๆ ตอนนี้มี 3 ตัว คือ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน และกระชายดำ ซึ่งเลือกมาจากการปลูกในระบบมีรองรับ ตรงกลางน้ำการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีโรงงานมากมาย และปลายน้ำมีการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในท้องตลาด รวมถึงการส่งออก ครบองค์ประกอบทั้ง 3 อัน มี 3 ตัวนี้ที่โดดเด่น ก็น่าจะเป็นหลักที่จะขยายผลต่อไปในอนาคต ส่วนใหญ่การขับเคลื่อนส่งออกจะอยู่ในภาคเอกชนเป็นหลัก เท่าที่ทราบมีทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา โดยไทยเป็นประเทศที่ส่งออกสมุนไพรอยู่ใน 10 ลำดับของโลก

 

"การดำเนินการเหล่านี้เพื่อมุ่งเป้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีแทนที่จะใช้ศาสตร์ตะวันตกอย่างเดียว ก็ได้แนวคิดว่าเอา รพ.เรามาทำให้มีศาสตร์ของแผนไทย และทางเลือกรวม โดยจะชวน รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปมาทำ Wellness Center ที่จะใช้ศาสตร์แผนไทยมาร่วมมือกัน ทำให้การดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะการส่งเสริมป้องกันให้ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยืดอายุ Anti aging Long Living การมีสุขภาพที่ดีต่างๆ เป็นแผนที่กำลังจะขับเคลื่อนต่อไป" นพ.ธงชัยกล่าว

 

นพ.ธงชัยกล่าวว่า ถ้าถึงปี 2570 เราจะเป็น 1 ใน 3 ของเอเชีย ส่วนในอาเซียนน่าจะเป็นที่หนึ่งได้ ส่วนในเอเชียอาจจะติดที่จีนและเกาหลีใต้ที่มีเยอะ ซึ่งจีนมีขนาดใหญ่และค่อนข้างทิ้งห่างจากลำดับ 2 การไล่ตามคงยาก แต่คิดว่าเราน่าจะอยู่ใน 3 ลำดับได้ ก็จะเป็นเป้าหมายที่ร่วมกันขับเคลื่อนทางภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ

(ข่าวเกี่ยวข้อง : อภัยภูเบศรเปิดสูตรแพทย์แผนไทยลด “ลองโควิด”  และแจกสมุนไพรฟรี! ช่วยระบบทางเดินหายใจ)