นโยบายสาธารณสุขเลือกตั้ง 66
นโยบายสาธารณสุขเลือกตั้ง 66 พรรครวมไทยสร้างชาติ ชูนโยบายโรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม พรรคไทยสร้างไทย เพิ่มคุณภาพเป็นบัตรทองพลัส ใช้หมอ AI มาช่วยหมอจริง ปรึกษาแพทย์ผ่าน Telemedicine
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา 5 สำนักข่าวประกอบด้วย Hfocus, The Better, Today, The Active และคมชัดลึก ผนึกกำลังร่วมจัดเวทีดีเบต "นโยบายสาธารณสุขเลือกตั้ง 66" ซึ่งมีตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะประเด็นสิทธิการรักษาพยาบาลทั้ง 3 กองทุน ได้แก่ 1.สิทธิสวัสดิการข้าราชการหรือกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กรมบัญชีกลาง 2.กองทุนประกันสังคม 3.กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่ภาคประชาชนเสนอว่าควรมีการรวม 3 กองทุนให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการเดียวให้ สำนักงานหลักประกันสุขแห่งชาติ หรือ สปสช. เป็นคนบริหารจัดการ
พรรครวมไทยสร้างชาติ ชูนโยบายโรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคมรักษาฟรีทุกสิทธิ์
นพ.เหรียญทอง แน่นหนา คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ความเห็นว่า ขณะนี้การรวมกองทุนยังมีอุปสรรค จึงจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเรื่องสิทธิประโยชน์ของ 3 กองทุนที่แตกต่างกันก่อน แต่ไม่ได้เลิกล้มความคิดนี้ เนื่องจากพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคใหม่ จึงต้องศึกษาลงลึกโดยผู้มีประสบการณ์ภายในพรรค สมมติว่าการรวมกองทุนเป็นวิธีที่ดีที่สุดและสามารถทำได้โดยไม่กระทบผู้มีสิทธิแต่ละกองทุน ก็อาจดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ นโยบายสาธารณสุขของพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่น
นโยบาลสาธารณสุขเชิงรุก
ด้วยการป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพ ลดอุบัติการณ์เจ็บป่วยและเสียชีวิต ให้มีสุขภาวะ 4 มิติ ได้แก่ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางจิต สุขภาวะทางสังคม และสุขภาวะทางปัญญา ซึ่งจะมีนโยบาย 3 สนับสนุน บวก 1 พัฒนา
• สนับสนุนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่เกื้อกูลต่อการมีสุขภาวะที่ดี
• สนับสนุนภาคีสื่อสาร การรณรงค์เพื่อให้ประชาชนมีทักษะความรู้ความสามารถ สร้างเสริมสุขภาพตัวเอง เพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิตให้มีสุขภาพที่ดี
• สนับสนุนให้มีชุมชนและสังคมเข้มแข็ง ช่วยขับเคลื่อนให้ภาครัฐกำหนดนโยบาย
• พัฒนาโครงสร้างให้สังคมเกิดสุขภาพที่ดี
นโยบาลสาธารณสุขเชิงรับ
การสาธารณสุขเชิงรับ ต้องเป็นฐานปฏิบัติการเชิงรุกในเรื่องสาธารณสุขเพื่อสร้างนำซ่อมด้วย โดยมีเป้าหมายดังนี้
• ระบบสาธารณสุขต้องมีการกระจายตัวอย่างทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่
• ระบบสาธารณสุขต้องทันสมัย มีมาตรฐาน
• ระบบบริการสาธารณสุขต้องพร้อมที่จะเผชิญปัญหาสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ รวมถึงโรคอุบัติซ้ำ
นพ.เหรียญทอง กล่าวด้วยว่า สิ่งแรกที่ต้องเริ่มต้นทำทันที ต้องแก้ไขปัญหาความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ ลดการรอคอยของผู้ป่วย ผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นปัญหาของระบบบริการสาธารณสุข โดยใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่สำคัญให้ทุกเขตและอำเภอมี 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคมรักษาฟรีทุกสิทธิ์ เป็นแนวคิดให้มีภาคเอกชนที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เข้ามามีส่วนร่วม แก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ.2562
"แนวคิดนี้จะนำมาสนับสนุนให้เกิดโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยพิจารณาพื้นที่ในเขตเมืองที่ยังขาดหน่วยบริการในจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา อุบลราชธานีหรืออุดรธานี ใน 1 เขตควรมีอย่างน้อย 1 โรงพยาบาล เพื่อแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งจะดึงภาคเอกชนเข้ามาลงทุน โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เช่น ผู้ถือหุ้นร่วมลงทุนสร้างโรงพยาบาลสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ รวมถึงให้เช่าที่ดินราชพัสดุตามอัตราที่กรมธนารักษ์กำหนด เพื่อจูงใจให้บริษัทห้างร้านและนิติบุคคล มารวมตัวกันสร้างโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม" นพ.เหรียญทอง กล่าว
นพ.เหรียญทอง ยังกล่าวถึงนโยบายเพิ่มขีดความสามารถโรงพยาบาลชุมชนในชนบท ว่า โรงพยาบาลชุมชนในชนบท ที่มีขีดความสามารถน้อย ก็ใช้โรงพยาบาลเอกชนที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ขึ้นสมทบมาเป็นคู่สัญญากัน (Public-Private Partnerships) ช่วยดูว่า โรงพยาบาลในชนบทขาดอะไร ก็ไปจัดตั้งช่วยเหลือ เช่น จัดตั้งหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาลชุมชนในชนบท และให้เบิกจ่ายตามระบบแต่ละกองทุน
พรรคไทยสร้างไทย เพิ่มคุณภาพเป็นบัตรทองพลัส ใช้หมอ AI มาช่วยหมอจริง
ด้าน ดร.สุวดี พันธุ์พาณิช พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย มีเป้าหมายเป็นสังคมอุดมสุขภาพหรือ Wellbeing Society ให้ประชาชนแข็งแรง รักษาเร็วและรักษาหาย โดยมีนโยบายสำคัญ เช่น
- นโยบายเพิ่มคุณภาพบัตรทอง เป็นบัตรทองพลัส นโยบายแรก 30 บาทพลัส สุขภาพดีทั่วหน้า เพราะต้องการให้คนไทยสุขภาพดี โดยใช้หมอ AI มาช่วยหมอจริงทำงาน ดูแลสุขภาพคนอยู่ในมือถือด้วย Telemedicine ป้องกัน รักษาโรค รวมถึงสะสมแต้ม เมื่อสุขภาพดีมีรางวัลให้ หากเจ็บป่วยเล็กน้อย คุยกับหมอจริงในมือถือได้เลย ตรวจเลือด ตรวจแล็ปได้ในคลินิกใกล้บ้าน รวมถึงรับยาได้ใกล้บ้าน หมอมือถือจะทำนัดให้พบแพทย์ในโรงพยาบาล ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวไปได้ทุกที่ ผู้ที่ใช้สิทธิร่วมจ่าย พรรคจะเข้าไปปรับปรุงบริการและการใช้สิทธิในโรงพยาบาลเอกชนให้มากขึ้น เพื่อลดภาระโรงพยาบาลรัฐ
- สังคมอุดมสุขภาพ โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น บ้าน วัด โรงเรียน ร้านอาหาร ที่ทำงาน ให้ทุกที่พัฒนาสิ่งแวดล้อมให้เป็นมิตรกับสุขภาพกายและสุขภาพจิต ดูแลรักษาคนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง เช่น คนพิการและผู้สูงวัย ทำอาหารปลอดภัยไกลมะเร็ง ลดไขมัน ความดัน เบาหวาน รวมถึงชวนคนมาออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังสร้างศูนย์สุขภาพใกล้ชุมชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบำนาญ 3,000 บาท ที่จะให้ผู้สูงอายุด้วย อีกทั้งยังดำเนินนโยบายลดความรุนแรงในเด็กและสตรี สำหรับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ยุติครรภ์ปลอดภัย และสนับสนุนเงินให้กับหญิงตั้งครรภ์
- เพิ่มค่าตอบแทนแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดไหลบ่ามาที่โรงพยาบาลเอกชน รวมถึงจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลต่างจังหวัด สามารถรักษาโรคยากได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีแนวคิดให้เอกชนมาร่วมกับรัฐบาล ในเรื่องการรักษา เมื่อคนไข้แข็งแรง งบประมาณจะมีมากขึ้น สามารถนำไปจ้างพยาบาล บรรจุพยาบาล ให้หมอมาเรียนด้านจิตเวชมากขึ้น รวมถึงชวนหมอมาทำผลงานวิชาการมากขึ้น เพื่อให้ได้มาตรฐานโลก
ดร.สุวดี ยังกล่าวถึงนโยบาย Global Wellbeing Hub ซึ่งมีมูลค่าตลาดทั่วโลกประมาณ 150 ล้านล้านบาท โดยพรรคมีเป้าหมาย 1% เท่ากับ 1.5 ล้านล้านบาท ว่า ส่วนสำคัญจะมุ่งสร้างรายได้ เพื่อทำ Global Wellbeing hub ให้คนไข้ชาวต่างชาตินำเงินมาให้คนไทย ภาษีที่ได้กลับมาดูแลสุขภาพคนไทยได้มากขึ้น โดยยืนยันว่า นโยบายพรรคดังกล่าวจะไม่เป็นการแย่งทรัพยากรรัฐ ไม่เพิ่มความเหลื่อมล้ำ
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
นโยบายสาธารณสุข 3 พรรค แก้ปัญหารพ.แออัด ไม่รวม 3 กองทุน รักษาถึงบ้าน ให้ความสำคัญบุคลากร
“ชาติไทยพัฒนา” ชูนโยบายสุขภาพดีมีเงินคืน ส่วนก้าวไกล ชู “2 ลด 2 เพิ่ม” ลดชั่วโมงการทำงานของแพทย์-เพิ่มความครอบคลุมการรักษา
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 333 views