สธ. ต่อยอดงานวิจัยกัญชาทางการแพทย์ หลังยอดผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์พุ่ง 125% ในขณะที่มีผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง จำนวน 2,523 รายการที่ได้รับอนุญาต หวัง เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ประธานคณะกรรมขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ได้มีการรายงานสถานการณ์กัญชาทางการแพทย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน  และกรมต่างๆ ได้นำเสนอมาตรการเตรียมความพร้อมกรณีที่ (ร่าง) พระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ.... ไม่สามารถพิจารณาได้ทันสมัยการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร  โดยในที่ประชุมให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลใน 4 ด้าน คือ  การปลูกและผลิตของผู้ประกอบการ  การใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ  การศึกษาวิจัยและการติดตามผลกระทบทั้งทางบวกและลบ  

โดยพบว่าในปี งบประมาณ 2566 ซึ่งผ่านมาเพียง 4 เดือน  แต่ยอดผู้ป่วยที่ได้รับยากัญชาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 125 ในขณะที่มีผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง จำนวน 2,523 รายการที่ได้รับอนุญาต และมีงานวิจัยที่มีทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมากกว่า 50 ชิ้น  ที่ช่วยยืนยันประสิทธิผลการใช้กัญชาทางการแพทย์  ในส่วนของการติดตามผลกระทบทางบวก พบว่ามีเม็ดเงินที่เกิดจากผลิตภัณฑ์และบริการกัญชาและกัญชงกว่า 30,000 ล้านบาท  ในขณะที่ด้านลบ ที่นำไปใช้ในทางที่ผิด ก็ยังพบมีการรายงานเข้ามา ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกก็เร่งดำเนินการควบคุมกำกับให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย 

งานวิจัยกัญชาทางการแพทย์

นายแพทย์ประพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมในครั้งนี้ มีทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเข้าร่วม เพื่อทราบสถานการณ์และความก้าวหน้าการดำเนินงานกัญชาทางการแพทย์  ซึ่งก็พบที่เราตั้งยุทธศาสตร์ไว้ว่า เราจะใช้ศึกษาวิจัยยากัญชาสำหรับ 3 กลุ่มโรค คือ กลุ่มโรคหายาก หรือ rare diseases กลุ่มโรคที่เป็นปัญหาของระบบสุขภาพ และกลุ่มโรคที่พบบ่อยต้องนำเข้ายาจากต่างประเทศ และเมื่อศึกษาวิจัยแล้วจะนำเข้าชุดสิทธิประโยชน์เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งวันนี้กรมการแพทย์ก็ได้มานำเสนอว่า กำลังจะสรุปผลการวิจัยการใช้ยากัญชาที่มี CBD เด่นในโรคลมชักในเด็กที่รักษายาก  ว่ามีแนวโน้มช่วยลดการชักได้  การชักแต่ละครั้งมีผลต่อการทำงานของสมองเด็ก

ซึ่งหากเราทำให้ชักน้อยลง  เราก็ช่วยชะลอพัฒนาการของสมองเด็กได้  หรือการวิจัยที่จะนำ CBD มาใช้รักษาการติดยาเสพติดที่เป็นปัญหาคุกคามสุขภาพคนไทยในขณะนี้  ซึ่งมีการวิจัยทั้งที่ใช้สารสกัดกัญชาชนิด CBD เดี่ยวๆ เทียบกับยามาตรฐาน  และการใช้กัญชาชนิด CBD ร่วมกับยามาตรฐานในการบำบัดผู้ป่วยเสพติดเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า  ซึ่งในการประชุมวันนี้ก็ได้เสนอให้ทำวิจัยพหุสถาบัน หรือ multicenter ไปเลย เพราะมีผู้ป่วยจำนวนมากรอใช้ยาอยู่  เราต้องการผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือมาใช้

การขับเคลื่อนกัญชา 

"ผู้แทนจากเขตสุขภาพที่ 1- 4 มารายงานผลการดำเนินการปี 2565 และนำเสนอแผนงานการขับเคลื่อนกัญชา 2566 ให้ทราบ ซึ่งทุกเขตที่มาเสนอก็มีผลการใช้ยาเพิ่มขึ้นทุกเขต  เกินกว่าเป้าหมายที่กระทรวงคาดไว้  แต่ที่น่าชื่นใจกว่าคือ  ทุกๆ เขตล้วนแล้วแต่มีงานวิจัยที่สนับสนุนให้เกิดการใช้กัญชาที่ปลอดภัย และทำให้เห็นว่า ประเทศไทยสามารถใช้ภูมิปัญญาไทย อย่างกัญชา ผลักดันให้เป็น health for wealth ในด้านการแพทย์และสุขภาพ ทำให้คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจมั่งคั่ง" นายแพทย์ประพนธ์ กล่าว