กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โควิด19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยปอดอักเสบ 277 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 178 ราย และผู้เสียชีวิต 44 ราย เฉลี่ย 6 รายต่อวัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนถึงร้อยละ 32.3 ถึงแม้จะมีมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวหรือมีผลตรวจโควิด 19  ส่วนสายพันธุ์ที่พบในไทยมากที่สุดยังเป็นโอมิครอน BA.2.75

 

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (15–21 ม.ค. 2566) รายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 ราย เฉลี่ยวันละ 90 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 277 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 178 ราย ผู้เสียชีวิต 44 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 32.3  โดย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 มีผู้หายป่วย สะสม 2,593 ราย เสียชีวิต สะสม 167 ราย

นพ.ธเรศ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 ราย โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 ราย และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 ราย เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ อย่างละ 1 ราย อัตราการพบผลบวกต่อโรคโควิด 19 ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 (8-14 ม.ค. 2566) พบร้อยละ 1.7 สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ม.ค. 2566) พบเพียงร้อยละ 0.5 จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย

โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานขณะนี้สายพันธุ์ที่พบในไทยมากที่สุดเป็นสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 (86%)  ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ และจากการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ที่ต้องเดินทางไปประเทศที่กำหนดให้ตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องนั้น ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ได้รายงานข้อมูลการติดเชื้อโควิด 19 เข้าระบบโคแล็บ (Co-Lab) พบติดเชื้อประมาณ 300-400 ราย มีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยพบผลบวกในนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียง 10 กว่าราย (ประมาณร้อยละ 4 ของผู้เดินทางสัญชาติเดียวกัน)         

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยไม่ต้องกักตัวหรือมีผลตรวจโควิด 19 และขณะนี้หลายประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปก็ใช้มาตรการเปิดประเทศแบบไม่ต้องกักตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บางประเทศ มีมาตรการแตกต่างออกไป เช่น นักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 14 วัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180-270 วัน หรือผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 และรักษาหายดีแล้ว หลักฐานการตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง หรือมีผลการทดสอบ Rapid Antigen Test ไม่เกิน 24 ชม. ก่อนเดินทาง เป็นต้น

“ขอให้ประชาชนยังคงดูแลตัวเอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 19 สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เลี่ยงที่แออัดสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้ ไอ จาม คัดจมูก มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสชาติ ให้ตรวจ ATK ทันที เพื่อป้องกันการนำเชื้อโควิด 19 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org