ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ของโลกจะกลับเข้าสู่ภาวะ "เกือบจะปกติ" แล้วหลังการรบาดใหญ่ที่กินเวลานานถึง 3 ปี แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่าโควิด-19 จะตามจองล้างจองผลาญมนุษยชาติไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมีรายงานการค้นพบสายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง และขณะที่รายงานเรื่องนี้อยู่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ กำลังติดตามการเพิ่มขึ้นของสายพันธุ์โควิด-19 อีกสายพันธุ์หนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ BN.1 ตามตัวเลขที่เผยแพร่โดยหน่วยงานในเดือนนี้ ระบุว่านี่คือลูกหลานใหม่ล่าสุดของสายพันธุ์ Omicron ที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศสหรัฐฯ ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ (1)

ทั้งนี้ BN.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของ Omicron เป็นชื่อย่อมาจาก B.1.1.529.2.75.5.5.1 ตามข้อมูลของ cov-lineages.org ซึ่งเป็นกลุ่มข้อมูลโควิด-19 ที่ดำเนินการโดยผู้ร่วมให้ข้อมูลในมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย ตสายพันธุ์ใหม่นี้ยังเป็นทายาทของ "stealth Omicron" (สายพันธุ์ล่องหน) หรือ BA.2 ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ที่สับสนในการทดสอบการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติ และเริ่มระลาดในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของปีนี้

ตามการประมาณการ "Nowcast" ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน โดย CDC ขณะนี้ 4.3% ของผู้ป่วยโควิด-19รายใหม่ทั่วประเทศเชื่อมโยงกับตัวแปร BN.1 โดยความชุกของสายพันธุ์ใหม่มีมากที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันตก ในภูมิภาคที่ครอบคลุมรัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย ฮาวาย และเนวาดา 6.2% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่นั้นมาจาก BN.1(2)

เจ้าหน้าที่ CDC กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่การสัมมนาผ่านเว็บซึ่งจัดโดยสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกาว่า คาดว่าการติดเชื้อ BN.1  จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุก ๆ สองสัปดาห์ทั่วประเทศ แม้ว่าพวกเขาจะเตือนว่าการประมาณการในช่วงต้นยังคงเป็นตัวเลขคร่าวๆ เท่านั้น โดย Natalie Thornburg จาก CDC กล่าวว่า "ความไม่แน่นอนเรื่องการเพิ่มขึ้นเท่านั้นสูงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากจำนวนลำดับสัมบูรณ์ต่ำ เนื่องจากสัดส่วนต่ำ ดังนั้นจึงมีช่วงความเชื่อมั่นที่ใหญ่กว่ามาก" (3)

ด้าน Dr. Raj Rajnarayanan ผู้เชี่ยวชาญด้านโควิดแห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐอาคันซอ เตือนทางออนไลน์ว่าสายพันธุ์ใหม่นี้ "มีความสามารถสูงที่จะหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกัน" (4) ซึ่งเป็นความเห็นที่สอดคล้องกับการคาดการณ์จากเครื่องมือที่ออกแบบโดย Bloom Lab ของ Fred Hutchinson Cancer Center ที่ระบุว่า สายพันธุ์ BN.1 บางสายพันธุ์มีการกลายพันธุ์ที่อาจส่งผลให้เกิด "การหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันสูง" (5)

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์กังวลเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ ซึ่งเรียกว่า XBB ซึ่งทำให้ผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์พุ่งสูงขึ้น

สัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับ BA.275 ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้าของ BN.1 ซึ่งทะยานขึ้นในเอเชียใต้ ส่วนสายพันธุ์ BQ1.1 เริ่มแพร่หลายในยุโรปก่อนจะลามไปอเมริกา

มาดูที่ XBB เพราะถูกจับตาอย่างมากก่อนหน้านี้ไม่นาน เมื่อเร็วๆ นี้ Dr. David Ho ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ADARC แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และทีมงานของเขารายงานผลการศึกษาชุดหนึ่งในการประชุมสัมมนา ADARC แสดงให้เห็นว่าสายพันธุ์ล่าสุดบางสายพันธุ์ ได้แก่ BQ.1, BQ.1.1, XBB และ XBB.1 ซึ่งมาจาก Omicron นั้นสามารถหลบเลี่ยงทั้งภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อได้ดี (6)

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม วหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) Soumya Swaminathan เตือนว่า XBB สายพันธุ์ย่อยของ Omicron อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในบางประเทศ และในเวลานั้นยังไม่ทราบความรุนแรงของสายพันธุ์ใหม่

แต่จากการสังเกตการณ์ช่วงต้นๆ จากสิงคโปร์บ่งชี้ความเป็นไปได้ที่ XBB จะมีความรุนแรงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวแปร BA.5 ของ omicron โดยข้อมูลจากสองสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม บ่งชี้ว่าตัวแปร XBB มีความเสี่ยงในการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่ำกว่า 30% อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันของประชากรในระดับสูงจากการได้รับวัคซีนและระลอกก่อนหน้า

และยังดูเหมือนวาเชื้อกลายพันธุ์เหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดอัตราเสียชีวิตที่สูงขึ้นโดยอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.5% ในหนึ่งสัปดาห์เป็น 3,400 รายต่อวัน กรณีและการเสียชีวิตยังคงราบเรียบ และเชื่อว่า BN.1 อันเป็นสายพันธุ์ใหม่ไม่น่าจะเป็นตัวการที่ทำให้อัตรการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังคงมีการแพร่กระจายในจำนวนที่ค่อนข้างต่ำ

ตอนนี้ สายพันธุ์ BQ.1 และ BQ.1.1 ยังคงเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่หลายมากที่สุด เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศสหรัฐฯ มาจาก 1 ใน 2 สายพันธุ์นี้ จากการประเมินของ CDC

ส่วน Ashish Jha เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านโควิด-19ของทำเนียบขาวกล่าวกับ CBS ข่าวเมื่อเดือนที่แล้วในการสัมภาษณ์ว่า "การประมาณการที่ดีที่สุดของเราคือมีการเพิ่มขึ้น (ของผู้ติดเชื้อ) เป็นสองเท่าทุกๆ 10 วัน ดังนั้นหากคุณคำนวณ จะพบว่า BQ.1.1 มีแนวโน้มที่จะโดดเด่นในเดือนหน้า (หมายถึงเดือนพฤศจิกายน" (1) 

จนถึงขณะนี้ พื้นที่ระบาดที่ใหญ่ที่สุดของ BN.1 ซึ่งพบครั้งแรกในปลายเดือนกรกฎาคม พบในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรีย ออสเตรเลีย และอินเดีย อ้างอิงจาก covid-lineages.org แต่ละประเทศมีผู้ป่วยประมาณ 15% ของผู้ติดเชื้อเกือบ 4,000 รายทั่วโลก

และแม้ว่ามันดูเหมือนจะเป็นสายพันธุ์ใหม่สำหรับใครหลายๆ คน แต่ BN.1 ก็ได้กำเนิดสายพันธุ์รุ่นลูกและรุ่นหลานแล้ว 9 รุ่นเท่าที่ทราบกันในเวลานี้ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกระบุครั้งแรกในเดือนสิงหาคมและกันยายน ทั้งหมดถูกระบุในประเทศแถบยุโรป เช่น ออสเตรีย สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก เยอรมนี และไอร์แลนด์ บางส่วนถูกระบุในประเทศแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมทั้งในอินเดียและอิสราเอล (7)

 

อ้างอิง

1. Alexander Tin. (14 November 2022). "CDC now tracking BN.1, the latest new COVID variant on the rise". CBS.

2. "Nowcast/COVID Data Tracker". CDC https://covid.cdc.gov/covid-data-tracker/#variant-proportions

3. "SARS-CoV-2 Subvariants & the Future of Monoclonal Antibodies; Monkeypox Update" https://www.idsociety.org/multimedia/clinician-calls/sars-cov-2-subvariants--the-future-of-monoclonal-antibodies-monkeypox-update/

4. Luke Andrews. (15 November 2022). "CDC says it's tracking new 'mild but vaccine-resistant' BN.1 Covid variant — as hospital admissions rebound again". Daily Mail. 

5. "Variant report draft 2022-11-11" https://github.com/neherlab/SARS-CoV-2_variant-reports/blob/main/reports/variant_report_latest_draft.md#other-lineages-of-interest-with-high-predicted-immune-escape

6. Alice Park. (6 November 2022). "The Latest COVID-19 Variants Can Evade Vaccine Protection, According to New Data". TIME.

7. Erin Prater. (15 November 2022). "What is BN.1? Meet the newest Omicron spawn being tracked by the CDC". Fortune.