"อนุทิน" เผย 10 ปีสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ช่วยประเทศมีความมั่นคง จัดหาวัคซีนมาให้คนไทยทันเวลาเมื่อฉุกเฉิน ย้ำ! ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ ปชช. เชื่อถือวัคซีน กล้ามาฉีด ลั่นต้องปราศจากการเมืองแทรกแซง ล่าสุดได้รับงบฯ ก่อสร้างสถาบันฯของตนเอง จากแรกๆมีงบ 30 กว่าล้านทำอะไรไม่ได้
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปาฐกถาพิเศษ "บทบาทของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กับก้าวต่อไปเพื่อความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ" ตอนหนึ่งเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ครบรอบ 10 ปี ว่า ขณะนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้รับอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างบ้านของตัวเองแล้ว ซึ่งก็จะเร่งดำเนินการประมูลและก่อสร้างอาคารให้เร็วที่สุด เพื่อขยับขยายการให้บริการของสถาบันวัคซีนฯ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด 19 ทำให้สถาบันวัคซีนฯ ถูกยกระดับ ทำให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญของสถาบันวัคซีนฯ ว่า ควรมีบทบาทและได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้
"ผมเข้ามาปีแรก ทราบว่าสถาบันวัคซีนฯ มีงบแค่ 30 กว่าล้านบาท จ่ายเงินเดือนก็หมดแล้ว คงไม่มีแรงจะไปทำวิจัยศึกษาวัคซีน แต่พอโควิดมาทำให้เห็นความสำคัญของการสนับสนุน ถ้าปล่อยให้สถาบันฯ หิ้วแต่เอกสารไปคุย ไปเซ็นสัญญาเรื่องวัคซีนโควิดก็คงใช้เวลาอีกนานมาก เพราะไม่มีการเดิมพัน ไม่มีเงินไป โอกาสความสำเร็จหรือการขับเคลื่อนก็ยาก เป็นสาเหตุที่เราไปเสนอ ครม.ว่า ตอนนี้มีโควิดแล้ว รัฐบาลบอกอยู่เรื่อยว่าเมืองไทยต้องพัฒนาวัคซีนได้ ไม่พึ่งพาคนอื่น เมื่อรัฐบาลพูดแบบนี้มา แล้วเงินงบประมาณอยู่ไหน พวกนี้ต้องไดรฟ์ด้วยงบประมาณ" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ก็ให้ความสำคัญบอกว่าให้เสนอมา ซึ่งเสนอเป็นงบประมาณไม่ทัน เพราะโควิดเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็ต้องของบกลาง ท่านก็จัดมาให้เราจนได้ในรูปแบบเงินกู้ สธ.รับมา 4 หมื่นกว่าล้านบาท ก็มาจัดสรรให้สถาบันวัคซีนฯ ไปสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใบยา หรือไบโอเน็ทเอเชีย เป็นการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยพัฒนา แม้จะไม่ทันกับคนอื่น ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปบอกว่าเราห่วยหรือไม่ดี ไม่ใช่ เรามีองคาพยพแค่นี้ ต้องให้กำลังใจ จากการไปเยี่ยมไฟเซอร์หรือแอสตร้าเซนเนก้า เขามีเงินวิจัยเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณ
นอกจากนี้ สถาบันวัคซีนฯ ยังติดต่อนำซิโนแวคเข้ามาในช่วงสถานการณ์สมุทรสาคร ดีลกับแอสตร้าเซนเนก้าทำให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นอีกหนึ่งฐานการผลิตได้ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือน ก็ทำให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นฐานการผลิต มีมาตรฐานที่ดีกว่าการผลิตในประเทศที่พัฒนาแล้ว วัคซีนของเราถูก Reject น้อยมาก ถ้าไม่มีสถาบันวัคซีนฯ ทาง สธ.ก็เหนื่อย เพราะกรมต่างๆ ก็มีบทบาทภาระหน้าที่
"การไปดีลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เขาไม่ต้องง้อเราในสถานการณ์แบบนี้ เราก็ต้องกัดฟันกลืนเลือดเซ็นสัญญาที่รู้ว่าไม่เป็นธรรม แต่ชีวิตคนไทยสำคัญกว่า แต่เราก็ทำได้ตามเป้าหมาย เช่น มิ.ย. 64 มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข้ามา และเพิ่มขึ้นจนถึง 100 ล้านโดสในสิ้นปี 64 แม้จะมีการด้อยค่า ปรามาส สบประมาท แสดงความรู้มากกว่าเรา ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นขวดวัคซีน คนที่แตะขวดวัคซีนคนแรกคือ สธ. ไม่ใช่คนนอกวงการ หรือนักวิชาการที่ไหน แต่ความนิ่งของ สธ. และสถาบันวัคซีนฯ เรารู้ว่าทำอะไรอยู่ จึงไม่กังวล เราทราบว่าของเหล่านี้จะมาเมื่อไร เราบริหารสถานการณ์ให้ดี อย่าให้คนแพนิค วัคซีนมาถึงก็ทำตามหน้าที่ของมัน สถานการณ์ก็ดีขึ้น และเป็นอย่างนั้นตามโรดแมป ไม่ต้องไปเถียงกับใครให้เปล่าประโยชน์ สิ่งที่เราทำก่อประโยชน์มหาศาลให้คนในประเทศ คือสิ่งที่ สธ. และสถาบันวัคซีนฯ ตั้งเป้าไว้ ขอให้คนสถาบันวัคซีนฯ ภูมิใจ เราจะไม่มาถึงวันนี้ถ้าไม่มีสถาบันวัคซีนฯ คอยไกด์ทิศทางเบื้องต้น" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้เรามีวัคซีนโควิด 19 ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ mRNA และโปรตีนซับยูนิท ให้ประชาชนจากที่คิดว่าไม่มีแน่ ขาดแคลนแน่ บริหารจัดการไม่ได้เรื่อง ตนว่าเราเป็นประเทศไม่กี่ในโลกที่คนเลือกวัคซีนฉีดได้ตามใจ อยู่ในกรอบความปลอดภัยของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน อย่างสูตรไขว้สถาบันวัคซีนฯ ก็นำเสนอทำให้มั่นใจว่าเป็นประโยชน์ หรือการฉีดใต้ผิวหนัง สถาบันฯก็เริ่มมาก่อน ตอนยังมีวัคซีนไม่ครบ ยังไม่มั่นใจว่าจะส่งได้ตามจำนวนที่เราต้องการหรือไม่ การฉีดใต้ผิวหนังจะฉีดได้เพิ่ม 10 เท่าต่อขวด เรามีการเตรียมการเผื่อสถานกาณณ์ที่แย่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะเรามีการเตรียมพร้อมมีการบาลานซ์กับบริษัทวัคซีนต่างๆ ไม่ได้พึ่งพาเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ทำให้เขาก็แข่งกันส่งวัคซีนมากขึ้น เพื่อให้เราเลือก
"สำคัญยิ่งกว่านี้ คือ สถาบันวัคซีนฯ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนว่า เมื่อสถาบันวัคซีนฯ ประทับตราแล้ว คนเลิกวิตกกังวลว่าวัคซีนจะใช้ไม่ได้ จะกลายพันธุ์จากหนูเป็นตะกวดคงไม่มี จะทำให้คนไม่เกิดตระหนก และมีความปลอดภัย ให้ข้อมูลอะไรมาก็ผ่านการวิเคราะห์ไตร่ตรองศึกษาเรียบร้อย เพราะนี่เป็นสถาบันวัคซีนฯ ไม่ใช่สำนักงาน กรม กอง หมายความว่าเป็นเจ้าของทฤษฎี เจ้าของหลักวิชาการ เมื่อพูดอะไรออกมาแล้วต้องสร้างความเชื่อมั่นประชาชน สธ.รับข้อมูลมาก็จะทำงานได้อย่างราบรื่นเพิ่มมากขึ้น" นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่าช่วง 10 ปีที่ผ่าน ความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศไทยเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สธ.ร่วมกับสถาบันวัคซีนฯ ทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ สธ.พึ่งพิงองค์ความรู้การวิจัยค้นคว้าจากสถาบันวัคซีนฯ ที่มีความแม่นยำ แล้วนำไปประกอบการตัดสินใจจัดหาจัดซื้อวัคซีนไม่ว่าโรคใด ด้วยความมั่นใจว่าประชาชนจะรับวัคซีนอย่างเต็มใจไม่กังวล และวัคซีนนั้นจะออกประสิทธิผลตามที่เราเชื่อว่าจะเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ทั้งนี้ การจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนของสถาบันวัคซีนฯ คือ จะต้องปราศจากการแทรกแซงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการบริหารราชการแผ่นดินหรือทางการเมือง เป็นสถาบันที่มีความเป็นกลาง ยึดถือความปลอดภัยสุขภาพประชาชนเป็นหลัก ไม่ต้องไปกังวลเรื่องกดดัน แต่จริงๆ ไม่มีหรอกใครจะมากล้าเล่นพิเรนทร์กับเรื่องสุขภาพของคน
"เราต้องการให้สถาบันวัคซีนฯ เป็นที่น่าเชื่อถือ อีกหน่อยสมมติมีโรคติตด่อโรคระบาดใดก็ตาม ถ้าวัคซีนที่นำมาใช้รับรองโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติแล้ว ประชาชนทุกคนจะต้องเชื่อมั่นและมั่นใจ ก็เชื่อว่าเราน่าจะมาถึงจุดนั้น" นายอนุทิน กล่าว
ถามต่อว่าจุดวัดที่สะท้อนว่าเรามีความมั่นคงด้านวัคซีนแล้วคืออะไร ต้องมีโรงงานผลิตวัคซีนต่างๆ เองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ความมั่นคงด้านวัคซีน เมื่อใดที่มีสถานการณ์จำเป็นประชาชนได้รับวัคซีนทันเวลา และวัคซีนออกฤทธิ์ตามความคาดหมายของเราเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทินได้เขียนข้อความแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ว่า ขอชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละของทุกท่านในสถาบันแห่งนี้ และขอเป็นกำลังใจในการทำงานให้ประชาชนชาวไทยทุกคน มีความปลอดภัยจากโรคระบาดทุกโรคที่สถถาบันวัคซีนได้เป็นผู้กำหนดให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 152 views